ค้น2สถาบันคู่อริ มีปืน-มีด-ระเบิด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ม.ค. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.น.6 และบก. ตปพ. จำนวน 150 นาย

พร้อมสุนัขตำรวจ 1 ตัว เข้าตรวจค้นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถนนพญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม. โดยนำอุปกรณ์คีมตัดเหล็กและเครื่องตรวจวัตถุระเบิดเข้าตรวจค้น เพื่อป้องปรามไม่ให้เป็นที่ซ่องสุมรวบรวมอาวุธใช้ห้ำหั่นคู่อริต่างสถาบัน แต่เนื่องจากเป็นวันที่ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ประกาศให้เป็นวันหยุดเรียน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 28-30 ม.ค. เพื่อเตรียมงานสถาปนาสถาบันหรือวันบลูเดย์ ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ทำให้มีนักศึกษามาไม่กี่คน ส่วนมากเป็นรุ่นพี่ที่มาเตรียมงานดังกล่าว และให้ความร่วมมือในการเข้าตรวจค้นเป็นอย่างดี 


เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังออกเป็น 4 ชุด เข้าตรวจค้นตามอาคารต่างๆอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม

ทั้งโต๊ะเรียน ล็อกเกอร์ ฝ้าเพดานและซอกกำแพง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และตรวจยึดปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ได้ทั้งสิ้น 7 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว ระเบิดปิงปอง 5 ลูก อาวุธมีดปลายแหลม 18 เล่ม ประทัดยักษ์ชนิดมีชนวนจุด 1 ดอก แผ่นตะกั่วขนาด 5x5 ซม. จำนวน 3 แผ่น เศษขวดแก้วที่ทุบแตกละเอียดสำหรับบรรจุระเบิดจำนวนหนึ่ง และอุปกรณ์เล่นพนันน้ำเต้าปูปลา 1 ชุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดไว้เป็นหลักฐานไปตรวจสอบ  

นายมนูญ จิตรสำเริง หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันถูกยิงเสียชีวิต ทางวิทยาเขตอุเทนถวาย ได้ประกาศหยุดเรียน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 28-30 ม.ค.นี้ เพื่อลดกระแสไม่ให้ นักศึกษาทั้งสองสถาบันเกิดเขม่นกัน โดยจะเปิดเรียนอีกครั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ 


นอกจากนี้ ในเวลาเดียวกัน พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.และ พล.ต.ต. วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 150 นายและสุนัขตำรวจ 1 ตัว

พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจค้นสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลปทุมวันหรือช่างกลปทุมวัน ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน โดยมีนายอนุชาติ ศรีศิริวัฒน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหาร นำเข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆภายในสถาบัน ผลจากการตรวจค้น พบปืนปากกา 1 กระบอก ลำกล้องปืน 3 อัน มีดพก 1 เล่ม กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 2 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 ปลอก และท่อนเหล็กตัดปลายแหลม 1 อัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดไว้ตรวจสอบ 


นายอนุชาติ ศรีศิริวัฒน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่าย บริหารสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลปทุมวัน กล่าวว่า ในวันนี้ทางสถาบันไม่ได้แจ้งปิดเรียน

แต่เนื่องจากผู้ปกครองและนักศึกษาส่วนใหญ่เกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัย เพราะใกล้วันสถาปนาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ทำให้นักศึกษา พากันหยุดเรียนเอง คงมีเพียงนักศึกษารุ่นพี่ชั้นปีที่ 4 ไม่กี่คนที่มาเรียน เพราะต้องเร่งทำโปรเจกต์ให้ทันปิดภาคการศึกษา ทั้งนี้ที่ผ่านมา ทางสถาบันก็ได้ตรวจค้นอาวุธกับบรรดานักศึกษาอยู่เป็นประจำ โดยอาวุธที่ตรวจพบ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากเครื่องไม้เครื่องมือในการเรียนเชิงปฏิบัติการ ซึ่งทางสถาบันจะดำเนินการ ว่ากล่าวตักเตือนนักศึกษาที่มีอาวุธดังกล่าวไว้ในครอบครองต่อไป ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา
 


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวกลางให้ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย และสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลปทุมวัน จับมือกัน

เพื่อปรับความเข้าใจ ปรองดองกันระหว่างสองสถาบัน ถือว่าผ่านพ้นไปด้วยดี และมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น ต่อไปน่าจะมีการพูดคุยปรับความเข้าใจกันมากกว่านี้ ด้าน พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 กล่าวว่า จากนี้ไปจะประสานกับสองสถาบัน เพื่อนัดพูดคุยหา แนวทางป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท โดยจะเชิญอาจารย์ ของทั้งสองสถาบันมาร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ส่วนอาวุธที่ตรวจยึดได้จะส่งให้ สน.ปทุมวัน ลงบันทึกประจำวันไว้ แต่คงไม่สามารถเอาผิดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ เนื่องจากอาวุธที่พบ ไม่มีคนแสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ในล็อกเกอร์ไม่มีชื่อ และไม่ได้ตรวจพบซึ่งหน้า


วันเดียวกัน นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้สั่งการในทางลับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นสถาบันทั้ง 2 แห่ง

ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 มาตรการที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ เพื่อเป็นแนวทางในการ แก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาทะเลาะวิวาท ส่วนกรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบอาวุธจำนวนหนึ่งในสถาบันนั้น ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว ได้กำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ เชื่อว่าหากทุกฝ่ายช่วยกันตรวจตราอย่างเคร่งครัด จะเป็นการป้องกันได้ทางหนึ่ง ส่วนที่ห่วงว่าอาจจะมีการนำอาวุธไปซุกซ่อนไว้ที่อื่นนั้น คงต้องขอความร่วมมือจากทางอาจารย์และผู้บริหารสถาบันในการติดตามกวดขัน ก็จะทำให้ปัญหาทุเลาเบาลงได้บ้าง ทั้งนี้ ตนคิดว่าอาจารย์ และผู้บริหารคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

อย่างไรก็ตาม คงต้องขอความร่วมมือให้ช่วยกันเข้มงวดกวดขันให้มากขึ้น รวมทั้งสถาบันการศึกษาอื่นทั้งในสังกัด
 
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ด้วย ส่วนเรื่องการปิดสถาบันนั้น คิดว่าหากยังมีการทะเลาะวิวาทกันอีก ทางเลือกดังกล่าวคงเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะเด็กที่ก่อเหตุเป็นเพียงเด็กกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ขณะที่ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของนักศึกษา ทั้งที่สังกัดสถาบัน อุดมศึกษาและสังกัดอาชีวะ จำนวน 1,325 ราย สรุปผล สำรวจได้ดังนี้ คือเกี่ยวกับสาเหตุของการทะเลาะวิวาทและตีกันจนเสียชีวิตของนักศึกษาอาชีวะ ร้อยละ 54.12 เห็นว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีระหว่างสถาบัน และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมา รองลงมาร้อยละ 16.69 เห็นว่าเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ใจร้อนขาดสติ ทั้งนี้ ร้อยละ 79.31 เห็นว่าศักดิ์ศรีของสถาบันมีอิทธิพลต่อการทะเลาะวิวาทและตีกันของนักศึกษาอาชีวะมาก เพราะเป็นการสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่น สถาบันของตนเองต้องเป็นที่ 1 เท่านั้น

ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหา ร้อยละ 43.23 เห็นว่าควรจัดกิจกรรมระหว่างสถาบันเป็นประจำเพื่อสร้างความสามัคคี

และร้อยละ 32.34 เห็นว่าควรมีบทลงโทษที่เด็ดขาด และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง สำหรับความคิดเห็นต่อมาตรการ 6 ข้อที่ตำรวจมีนโยบายออกมาควบคุมเหตุการณ์ดังกล่าว ร้อยละ 66.95 เห็นด้วย เพราะเป็นการช่วยลดปัญหาได้ ส่วนหนึ่ง ทำให้ภาพลักษณ์ของนักศึกษาอาชีวะดูดีขึ้น จะได้ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์