เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ม.ค. พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1บก.ปดส. พ.ต.ท.คณธัช มุสิกานนท์ รอง ผกก.2 บก. ปดส.
นำกำลังพร้อมหมายจับ ศาลอาญา ที่ 233/2552 ลงวันที่ 27 ม.ค. 52 ข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการหรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลัง ประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ใส่ความผู้อื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อบุคคลที่สาม และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เข้าจับกุมตัวนายสุรชัย หรือเอ็ม วิวัฒนชาต อายุ 33 ปี เจ้าของบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ ไทยแลนด์ จำกัด ประกอบธุรกิจนักสืบเอกชนและโรงเรียนนักสืบ ได้ที่บริเวณ ลานจอดรถร้านอาหารโออิชิ สาขาพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. พร้อมยึดของกลาง ปืนพก 9 มม. ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน กระสุน 12 นัด วิทยุสื่อสารโมโตโรลา มีดพับ บัตรประจำตัวที่ปรึกษากิตติมศักดิ์หนังสือพิมพ์ โปลิศนิวส์ บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปัญหาเส้นเขตแดนและการข่าวความมั่นคงสากล กอ.รมน. บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ข่าวลับ มณฑลทหารบกที่ 11 นำตัวไปดำเนินคดีที่บก.ปดส.
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือน ส.ค. 2551 ได้มี น.ส.เเอ้ม (นามสมมติ) อายุ 22 ปี นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมผู้ปกครอง
เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปดส. ว่า ถูกนายสุรชัย ข่มขืนกระทำชำเราแล้วบันทึกภาพคลิปวีดิโอไว้ข่มขู่บังคับให้ผู้เสียหายมาร่วมหลับนอนด้วยอีกหลายครั้ง เหตุเกิดตั้งแต่เดือน เม.ย. 2551 เป็นต้นมา นักศึกษาสาวเหยื่อกามวิปริต ให้รายละเอียดว่าได้เข้าไปทำงานที่บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งนายสุรชัยเป็นเจ้าของ ต่อมานายสุรชัยได้วางแผนล่อลวงอ้างว่าให้ออกไปช่วยสืบสวนงานข่าวให้ลูกค้ารายหนึ่ง แต่ปรากฏว่าไม่ได้พาไปทำงาน กลับพาไปรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเกษตรนวมินทร์ ภายหลังจากที่ผู้เสียหายดื่มน้ำไปแก้วหนึ่งก็รู้สึกมึนศีรษะจากนั้นหมดสติไป มารู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยกาย นอนอยู่ในห้องนอนที่บ้านของนายสุรชัย ย่านดอนเมือง และนายสุรชัยได้นำภาพถ่ายพร้อมคลิปวีดิโอบันทึกภาพขณะลงมือขืนใจมาให้ดู พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องราวไปบอกใคร
ต่อมาผู้เสียหายถูกนายสุรชัยใช้คลิปวีดิโอแบล็กเมล์ บังคับให้ไปร่วมหลับนอนด้วยอีกหลายครั้งหลายหน
แต่ละครั้งจะถูกกระทำในลักษณะที่กระทบกระเทือนร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง เช่นเปิดหนังลามกอนาจารที่ใช้ความรุนแรง วิตถาร หรือซาดิสต์ ให้ดูก่อนจะขืนใจ บางครั้งก็บังคับให้ร่วมเพศพร้อมกับภรรยาตัวเอง หรือข่มขืนต่อหน้าภรรยา รวมทั้งเรียกเพื่อนฝูงมาร่วมขืนใจแบบเซ็กซ์หมู่อีกด้วย ผู้เสียหายพยายามตีตัวออกห่าง แต่ก็ถูกนายสุรชัยตามราวี ส่งภาพคลิปวีดิโอไปให้กับเพื่อนสาวของผู้เสียหายเพื่อประจาน รวมทั้งโทรศัพท์ ข่มขู่คุกคามต่างๆนานา จนกระทั่งเหยื่อสาวทนพฤติกรรมป่าเถื่อนหื่นกามของผู้ต้องหาต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจนำเรื่องราวไปเล่าให้ผู้ปกครองฟัง ก่อนจะพากันเข้าแจ้งความ กับตำรวจ บก.ปดส. ให้ติดตามตัวมาดำเนินคดี
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุรชัยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน
ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน บก.ปดส.ได้นำหลักฐานไปขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเพื่อเข้าตรวจค้นบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ ไทยแลนด์ จำกัด และบ้านของผู้ต้องหา เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมกับขออนุมัติหมายจับกุมนางธนวรรณ คล้ายแพร อายุ 43 ปี พยาบาลประจำทัณฑสถาน โรงพยาบาลกลางราชทัณฑ์ ภรรยานายสุรชัย ผู้ต้องหา หลังจากการสอบสวนพบว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดช่วยถ่ายวีดิโอ ขณะที่นายสุรชัยขืนใจเหยื่อสาวด้วย
ต่อมาเวลา 15.30 น. ร.ต.อ.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รอง สว.กก.1 บก.ปดส. พร้อมกำลัง 20 นาย นำตัวนายสุรชัยไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 169/56 ในซอยช่างอากาศอุทิศ 10 แยก 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง
ที่ตั้งของบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ ไทยแลนด์ จำกัด และศูนย์พัฒนานักสืบสากล เป็นบ้าน 2 ชั้น อยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร มีรั้วรอบขอบชิด ไม่สามารถมองเห็นจากด้านนอกเข้าไปได้ ปรากฏว่าขณะเข้าตรวจค้น นายจ้อย (นามสมมติ) พนักงานขับรถส่งเอกสาร ได้เดินถือกระเป๋าหนังสีดำ ออกมาจากบริษัทพอดี เจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นในกระเป๋า พบแส้หางม้า 1 อัน แผ่นวีซีดีลามกอนาจารประมาณ 100 แผ่น แต่ละแผ่นเขียนหมายเลขรหัสกำกับไว้ด้วย นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์เสริม สำหรับการร่วมเพศซาดิสต์อีกจำนวนหนึ่ง โดยนายจ้อยอ้างว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นของนายสุรชัยสั่งให้นำไปเก็บซ่อนไว้ในห้องพักนริศา อพาร์ตเมนต์ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยไม่ทราบว่าในกระเป๋ามีอะไร เจ้าหน้าที่จึงยึดกระเป๋าไว้เป็นหลักฐาน และจะกันตัวนายจ้อยไว้เป็นพยานต่อไป
ในเย็นวันเดียวกัน นางธนวรรณ คล้ายแพร ภรรยานายสุรชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 234/2552 ในข้อหาร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการหรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย
ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน บก.ปดส. พร้อมกับให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา สำหรับนายสุรชัย หรือเอ็มนั้น เดิมชื่อนายธนะชาต หรือคณิศร ก่อนหน้านี้เคยตกเป็นจำเลยในคดีใช้ กำลังทำร้ายร่างกายอดีตภรรยา “อ้วน” อารีวรรณ จตุทอง อดีตรองนางสาวไทย แบบป่าเถื่อน โดยใช้เทียนหยดและบุหรี่จี้ตามตัว จากนั้นบังคับให้แก้ผ้าเดินตามถนน ซึ่งศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 ปี นอกจากนี้ยังเคยก่อคดีใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ไปยิงถล่ม สน.พญาไท บังคับให้ตำรวจปล่อยตัวลูกน้องซึ่งถูกจับกุมในข้อหามีอาวุธปืนสงครามไว้ในครอบครอง โดยจับตัวร้อยเวรเป็นตัว ประกัน กว่าเหตุการณ์จะยุติได้ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งโรงพัก จนสื่อมวลชนตั้งฉายาว่า “แรมบ้าเอ็ม” และภายหลังถูกจับกุมดำเนินคดี เมื่อเข้าไปอยู่ในคุกนายสุรชัยก็ไปสนิทสนมกับนายเสริม สาครราษฎร์ นักศึกษาแพทย์ฆาตกรฆ่าชำแหละศพแฟนสาว เนื่องจากถูกขังอยู่ที่เดียวกันหลายปีก่อนจะพ้นโทษออกมา
ทั้งนี้ นายสุรชัยมาจากครอบครัวที่มีฐานะดี บิดาเป็นถึงนายพลทหารนอกราชการ ยศ พล.ท. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหลายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 50 นายสุรชัยได้รับเชิญไปออกรายการ “ตู้ซ่อนเงิน” ร่วมกับผู้แข่งขันที่มีอาชีพนักสืบเอกชน ซึ่งพิธีกรรายการได้แนะนำตัวนายสุรชัยว่าเป็นศาสตราจารย์นักสืบเอกชน ปริญญา 9 ใบ และในระหว่างเล่นเกมนายสุรชัยได้เข้าไปดูในตู้แล้วทำท่าตะลึง ตาลุกวาว ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น ควักยาดมขึ้นมาดม แล้วลุกขึ้นมาบอกด้วยสีหน้าตกใจว่าเห็นเงินในตู้เต็มไปหมด