แทง 6 แผลฆ่ากะเทยบาร์

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ก.ค. ร.ต.อ.เจริญสุทธิ จงอิทธิ พงส.(สบ.1) สน.ยานนาวา

รับแจ้งเหตุพบศพคนถูกฆ่าภายในห้องเลขที่ 203 ปรีดาแมนชั่น เลขที่ 830/124 ซอยเจริญกรุง 67 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ ผกก. พ.ต.ท.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.รณยุทธ กิติเวชานนท์ สว.สส.สน.ยานนาวา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพักอาศัยสูง 5 ชั้น ห้องที่เกิดเหตุอยู่บนชั้น 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพนายนภัสกรหรือหวาน ปันคำ อายุ 22 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 151 หมู่ 5 ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย เจ้าของห้องนอนตายอยู่บริเวณใต้หน้าต่างด้านในสุด ผู้ตายเป็นกะเทยผ่าตัดแปลงเพศแล้ว อยู่ในสภาพเกือบเปลือยมีผ้าขนหนูสีแดงพันกายเพียงผืนเดียว

เบื้องต้นพบบาดแผลถูกแทงเป็นแผลฉกรรจ์ที่บริเวณแผ่นหลัง 5 แผล และหน้าอกด้านซ้ายอีก 1 แผล รวมทั้งสิ้น 6 แผล เลือดทะลักนองเต็มพื้น ขณะเดียวกัน ยังพบคราบเลือดติดอยู่ตามผ้าม่านและผนังห้อง รวมทั้งรอยเท้า ซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้ายเหยียบย่ำกองเลือดเข้าไปในห้องน้ำและร่องรอยล้างคราบเลือดบนพื้นห้องน้ำ จึงบันทึกภาพและเก็บตัวอย่างเลือดไว้เป็นหลักฐาน


สอบปากคำนายสายันต์ หรือทราย เจิมจันทร์ อายุ 24 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 13 หมู่ 5 ต.หนองพึ่ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่

เพื่อนร่วมห้องซึ่งเป็นกะเทยแปลงเพศเช่นกัน ได้ความว่า ทั้ง 2 เป็นพนักงานนั่งดริงก์อยู่ที่บาร์คิงส์ 3 ซอยพัฒน์พงศ์ 1 นายสายันต์ให้การว่า รู้จักผู้ตายมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว เมื่อก่อนนายนภัสกร หรือหวาน ไปทำงานอยู่ ประเทศไต้หวัน หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทย ด้วยความที่เป็นเพื่อนใกล้ชิดสนิทสนมจึงมาเช่าห้องอยู่ด้วยกันได้ 6 เดือนแล้ว

ก่อนหน้านี้ผู้ตายคบหาอยู่กับนายเบิร์ดไม่ทราบนามสกุล พนักงานต้อนรับหน้าประตูผับแห่งหนึ่งในย่านพัฒน์พงศ์เช่นกัน แต่เนื่องจากตนไม่ค่อยชอบหน้านายเบิร์ด ที่เป็นคนขี้หึงชอบหาเรื่องลงไม้ลงมือกับผู้ตายเวลาออกไปเที่ยวกับแขก จึงขอร้องให้อยู่ห่างๆและไม่ให้พานายเบิร์ดซึ่งเคยเป็นนักมวยไปที่ห้อง

แต่นายนภัสกรยังแอบพาไปในช่วงที่ตนไม่กลับห้อง ก่อนหน้านี้ 2-3 วัน ได้ยินผู้ตายทะเลาะกับนายเบิร์ดอย่างรุนแรงทางโทรศัพท์ ต่อมาเมื่อคืนนี้ผู้ตายก็ไม่ไปทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนตนหลังจากเลิกงานไปเที่ยวต่อกับเพื่อนๆ กลับมาถึงห้องตอนเช้าพบนายนภัสกรนอนเลือดเต็มตัว

ตอนแรกคิดว่ากรีดข้อมือตัวเองแล้วหลับไป ก็ไม่ได้สนใจเอาโทรศัพท์มือถือไปชาร์จไฟ พักใหญ่เห็นว่าไม่ขยับเขยื้อน เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆพบว่าหมดลมหายใจไปแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจ ปกติผู้ตายสวมสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง และมีโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง หลังเกิดเหตุปรากฏว่าทรัพย์สินดังกล่าวหายไป


ขณะที่แนวทางสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า อาคารที่เกิดเหตุใช้ระบบคีย์การ์ด

บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้หากไม่มีคนในพาเข้าไป นอกจากนั้นเมื่อตอน 1 ทุ่ม วันที่ 14 ก.ค. ยังมีพยานเห็นผู้ตายสวมชุดนอนเดินลงไปชั้นล่าง อีกอย่างคือหลังจากผู้ตายพยายามตีตัวออกห่างนายเบิร์ดแล้ว มีชายเปลี่ยนหน้ามาติดพันหลายคน

เมื่อประมวลคำให้การของพยานและข้อมูลจากการสืบสวนสอบสวนแล้ว สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดกับผู้ตาย ลงมือด้วยความแค้น ดูได้จากบาดแผลที่กระหน่ำแทงเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด เบื้องต้นจึงมุ่งประเด็นไปที่นายเบิร์ด อดีตนักมวย แฟนเก่าที่มีปัญหาคาใจกันอยู่ รวมถึงนายสายันต์ กะเทยร่วมห้อง เนื่องจากคำให้การบางส่วนยังติดขัดเหมือนปิดบังอำพรางบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ โดยเฉพาะในเรื่องที่บอกว่าเอามือถือไปชาร์จไฟ


ทั้งๆที่เห็นว่าเพื่อนนอนจมกองเลือด จึงส่งตัว ไปตรวจหาร่องรอยหลักฐานที่โรงพยาบาลตำรวจพร้อมสอบลึกลงไปถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเคยมีความขัดแย้งอย่างไรหรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังไม่ทิ้งประเด็นเกี่ยวกับชายขาจรที่เปลี่ยนหน้ามาหาผู้ตาย อาจเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้



แหล่งที่มา : หนังสือพิพพ์ไทยรัฐ




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์