จากเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นโหดรุมทำร้ายนายยุทธศักดิ์ หรือเอ็ม สอาดบัว อายุ 16 ปี บริเวณหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
ตลาดหัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อกลางดึกวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา อย่างป่าเถื่อนบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ นำส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา แพทย์ต้องเย็บศีรษะเกือบ 30 เข็ม ใบหน้าและลำตัวเขียวช้ำ สะบักสะบอมนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ม.ค. พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก. สภ.พระนครศรีอยุธยา เข้าเยี่ยมอาการของนายยุทธศักดิ์ พร้อมมอบกระเช้าของขวัญให้กับญาติที่เฝ้าไข้ โดยมี นพ.วีระพล ธีระพันธ์เจริญ ผอ.รพ.พระนครศรีอยุธยา กับ พญ.ดวงพร อัศวราธันย์ ผู้ช่วย ผอ.ให้การต้อนรับและพาเข้าเยี่ยมคนไข้ นพ.วีระพลเปิดเผยถึงอาการของนายยุทธศักดิ์ว่า อาการเริ่มดีขึ้นมาก สมองไม่กระทบรุนแรงมีเพียงศีรษะบวมเล็กน้อย ส่วนกระดูกฟัน และโหนกแก้มเป็นปกติ สามารถพูดได้บ้าง แต่ต้องรอดูอาการอีก 1-2 วัน
นายยุทธศักดิ์ ซึ่งพอจะพูดได้บ้างแล้ว เปิดเผยว่า กลุ่มคู่อริที่รุมทำร้ายมีมากกว่า 20 คน เป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่เดียวกันแต่อยู่คนละซอย อายุไล่เลี่ยกัน
เคยมีเรื่องกันบ่อยครั้ง ขณะที่นายยุทธนา สอาดบัว อายุ 58 ปี ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เปิดเผยว่า นายยุทธศักดิ์ เป็นหลาน เท่าที่ทราบสาเหตุที่หลานชายถูกรุมทำร้าย อาจมาจากกลุ่มวัยรุ่นเข้าใจว่านายยุทธศักดิ์ซึ่งเคยเข้ารับการ อบรมกับตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในโครงการฝากลูกกับตำรวจ เป็นผู้แจ้งเบาะแสให้ตำรวจจับกุมแก๊งยาเสพติดที่มีวัยรุ่นบางคนพัวพันด้วยเลยไม่พอใจกับเรื่องที่เคยมีเรื่องกับลูกหลานของนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง
ส่วน พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายได้ ส่อให้เห็นถึงพฤติกรรมความป่าเถื่อนของกลุ่มเยาวชนที่รุมทำร้ายคู่ต่อสู้เพียงคนเดียว
ทั้งหมดต้องถูกออกหมายจับและดำเนินคดีไม่ว่าจะเป็นลูกหลานนักการเมืองหรือใครก็ตาม ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องถูกเชิญมาให้ปากคำว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะเดียวกัน นายปรีชา กมลบุตร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้ไปเยี่ยมนายยุทธศักดิ์ พร้อมเปิดเผยว่า ดีใจที่เด็กอาการปลอดภัย ส่วนคดีเชื่อว่าตำรวจคงจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีทั้งหมดเพราะมีภาพปรากฏอยู่และผู้เสียหายรู้จักกับวัยรุ่นกลุ่มนี้ด้วย
ต่อมา พล.ต.ต.นเรศได้เรียกตัวผู้ปกครองวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาพบขอความร่วมมือไปยังผู้ปกครองทุกคนให้ พาลูกหลานที่ก่อเหตุมามอบตัวโดยเร็ว ภายในเที่ยงคืนวันเดียวกันนี้
หากพ้นกำหนดจะสั่งให้หน่วยจู่โจมที่เตรียมไว้ 20 ชุด ติดตามไล่ล่าจับกุมทันทีโดยไม่สนใจว่าเป็น ลูกหลานของใครทั้งสิ้น ถ้าผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือก็จะเอาความผิดกับผู้ปกครองด้วย ทำให้กลุ่มผู้ปกครองทั้งหมดรับปากพร้อมจะพาลูกหลานเข้ามอบตัวโดยเร็ว กระทั่งเย็นวันเดียวกันมีผู้ปกครองพาลูกหลานมามอบตัวแล้ว 10 คน จากจำนวน 13 คน ในเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าผลการสอบสวนชี้ให้เห็นว่าเป็นการพยายามฆ่าจะตั้งข้อหาเพิ่มในภายหลัง