เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 27 ม.ค. เรือเอกขวัญชัย เกตุพันธ์ ผู้บังคับการเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง (ต.97) ทัพเรือภาค 3 ได้นำชาวโรฮิงญา จำนวน 78 คน
เป็นชายล้วน อายุระหว่าง 14 – 55 ปี บางคนมีบาดแผลฉกรรจ์และป่วยเป็นไข้ไปขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือเอนกประสงค์จังหวัดระนอง หลังจากที่จับกุมได้กลางทะเลอันดามัน ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะสุรินทร์ จ.พังงา ขณะใช้เรือลักลอบเดินทางเข้ามายังน่านน้ำไทย ส่วนใหญ่มีสภาพอิดโรย เจ้าหน้าที่ได้นำอาหารและน้ำมาให้ดื่มกินเพื่อประทังความหิว พร้อมประสาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-พม่า ตำรวจภูธร สภ.ปากน้ำระนอง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลระนองมูลนิธิระนองสงเคราะห์ และด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง เพื่อนำคนเจ็บไปรักษาเป็นการด่วน
จากการสอบสวนนายมามุต ฮุดเซ็น อายุ 50 ปี พูดภาษาไทยได้ทราบว่า ตนทั้งหมดเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อชาติ อาระกัน หรือโรฮิงยา
อาศัยอยู่ที่จังหวัดเหม่าดอร์ และจังหวัดมุสิดอ รัฐอาระกัน ทางตอนเหนือประเทศพม่า โดยพวกตนเรี่ยไรเงินได้ 10 ล้านจ๊าด หรือประมาณ 300,000 บาท ซื้อเรือประมงไม้มา 1 ลำ ลัดเลาะมาตามแนวชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. เพื่อจะมาหางานทำที่จังหวัดระนอง และเดินทางต่อไปประเทศมาเลเซีย ไม่มีนายหน้าชักนำแต่อย่างใด ส่วนที่พูดไทยได้นั้นเพราะสมัยเด็กๆ เคยไปทำงานอยู่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างเดินทางถูกทหารพม่าจับกุมตัวได้แล้วใช้ไม้ทุบตีตามร่างกายและควบคุมไว้ที่เกาะแห่งหนึ่งในเขตจังหวัดมะริด พร้อมกับขู่ว่าห้ามเดินทางมาอีก ถ้าจับได้จะยิงทิ้งให้หมด ระหว่างถูกควบคุมตัวกว่า 10 วัน ทุกคนถูกทหารพม่าทุบตี ทำร้ายร่างกาย จนบาดเจ็บสาหัส บางคนป่วยหนัก
หลังจากนั้นทหารพม่าได้ปล่อยเรือให้เดินทางต่อไปอีกหลายวัน และเครื่องยนต์เกิดขัดข้องจึงค่อย ๆ ลอยลำเรือเข้ามายังน่านน้ำไทย และอดอาหารมาหลายวันแล้ว
ต่อมาเวลา 10.00 น. แพทย์ พยาบาล และเภสัชกรโรงพยาบาลระนอง ได้นำยาและเวชภัณฑ์ไปให้การรักษาบาดแผลชาวโรฮิงยาดังกล่าว ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.ปากน้ำระนอง จำนวน 74 คน โดยแพทย์ได้ทำการล้างทำความสะอาดแผล พร้อมจ่ายยา แก้อักเสบ ยาแก้ปวด ให้ทุกคนโดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนผู้ที่ได้รับบาดบาดเจ็บอาการสาหัสได้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลระนอง จำนวน 4 คน
พ.ต.อ.วีระศิลป์ ขวัญเซ่ง ผกก.สภ.ปากน้ำระนอง กล่าวว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้บังคับการตำรวจภูธรระนองได้กำชับให้ดูแลชาวโรฮิงยาตามหลักสิทธิมนุษยชน
ซึ่งได้ประสานกับโรงพยาบาลระนองในการดูแลรักษาผู้ที่เจ็บป่วย พร้อมจัดเลี้ยงอาหารและน้ำดื่มให้แล้ว 2 มื้อ คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (28 ม.ค.) จะสามารถส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดระนองได้ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เมื่อศาลพิพากษาและได้รับโทษแล้วก็จะส่งตัวให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนองเพื่อส่งกลับออกนอกประเทศตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป