กะเทยหึงหวงเจ้าอาวาสนำโจ๋มานอนกกในกุฏิจับได้ถึงขั้นลงไม้ลงมือ สมภารทุบคู่ขาด้วยไฟฉายน่วมเรื่องจึงแดงถึงตำรวจ เผยเจ้าอาวาสวัดดังเมืองคอนฉาวพาวัยรุ่น 4 คนมาตั้งวงดื่มเหล้า-เบียร์มั่วถึงในกุฏิ คู่ขากลับมาเจอคราบบนที่นอนจึงทะเลาะหึงหวงเสียงดังลั่น ชาวบ้านสุดทนแห่ล้อมวัดเผ่นหนีกลางดึก ขณะที่นายอำเภอเดือดชงคณะสงฆ์เอาผิด ตร.ดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายคู่ขาที่อาศัยอยู่ในวัดฉันผัวเมียกันมานาน
เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 23 ม.ค. พ.ต.ท.วันชัย ดอกขัน สารวัตรเวร สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งว่า
มีเหตุทำร้ายร่างกายกันภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดควนสูง ม.8 ต.ฉวาง อ.ฉวาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย หลังรับแจ้งแล้วจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวน และหน่วยกู้ภัยฉวางรีบรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายพรศักดิ์ สุทธิ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/1 ม.12 ต.นราแว อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช มีบาดแผลที่ไหล่ซ้าย และแขนซ้ายเลือดโชก ร่างกายมีรอยฟกช้ำดำเขียวหลายแห่ง เจ้าหน้าที่จึงรีบพาส่งร.พ.สมเด็จพระยุพราชฉวาง เพื่อรักษาบาดแผล ก่อนจะนำมาสอบปากคำ
ควงโจ๋มาตุ๋ยในกุฏิ สมภารเกย์ ตีน่วม-ลูกศิษย์ขี้หึง
นายพรศักดิ์ ผู้เสียหายให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
คนที่ทำร้ายตนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าอาวาสวัดควนสูง คือพระครูอเนกธรรมคุณ อายุ 45 ปี ซึ่งหลังก่อเหตุทำร้ายนายพรศักดิ์ แล้วหนีออกจากวัดไป จากนั้นนายพรศักดิ์ จึงพาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในกุฏิดังกล่าวพบว่ามีเหล้าดื่มหมดไปแล้ว 2 ขวด พร้อมกับขวดเบียร์ที่ดื่มแล้วอีก 1 ลัง และมีปิ่นโตที่ใส่กับแกล้ม 4 อย่าง และยังพบหลอดวาสลิน ตั้งอยู่อีก 2 หลอด และเมื่อตรวจสอบภายในห้องนอนของเจ้าอาวาสพบว่าข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อน ซึ่งเกิดจากการต่อสู้กัน ในขณะที่มีชาวบ้านจำนวนมากมาดูเหตุการณ์และวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาสวัดอย่างเสียๆ หายๆ
จากการสอบสวนนายพรศักดิ์ ผู้เสียหายให้การว่า
ตนมาอาศัยอยู่ที่วัดเมื่อเดือนต.ค.2551 ที่ผ่านมา และอยู่ภายในกุฏิของเจ้าอาวาสมาตลอด โดยจะนอนเตียงเดียวกัน และยอมรับว่าตนกับพระครูอเนกธรรมคุณ มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งเกินกว่าอาจารย์กับลูกศิษย์ ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมาพระครูอเนกธรรมคุณและวัยรุ่นอีก 4 คน ไปซื้อเบียร์และเหล้ามาดื่มกันที่กุฏิ ส่วนตนนั้นไม่ดื่มด้วยเพราะไม่ค่อยสบาย และจะนั่งอยู่รอบๆ บริเวณวัด ก่อนที่ทั้งคนทั้งพระจะเมามายแบบไม่ได้สติ
กระทั่งตกดึกหลังจากที่วัยรุ่นกลับกันหมดแล้ว ตนเข้าไปนอนในห้องกับเจ้าอาวาส และพบว่า
บนที่นอนมีรอยคราบ คล้ายกับน้ำอสุจิเกลื่อนผ้าปูที่นอน ตนจึงต่อว่าเจ้าอาวาสว่าตุ๋ยวัยรุ่นที่มาดื่มด้วยกันหรือ ทางเจ้าอาวาสปฏิเสธพร้อมกับบอกว่าวัยรุ่นสำเร็จความใคร่ให้ดู แต่ตนไม่เชื่อจึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ปรากฏว่าเจ้าอาวาสทำร้ายตนโดยใช้ไฟฉายทุบศีรษะ ก่อนจะใช้เก้าอี้ทุบจนเก้าอี้พังเสียหาย 1 ตัว และตนสู้แรงเจ้าอาวาสไม่ไหวจึงถูกทำร้ายบอบช้ำทั้งตัว เมื่อสู้ไม่ไหวจึงวิ่งหนีออกจากกุฏิแล้วโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่เมื่อตำรวจมาถึงปรากฏว่าเจ้าอาวาสเห็นชาวบ้านมาล้อมจึงเกิดไหวตัวหลบหนีออกจากวัดไปแล้ว
นายพรศักดิ์ เผยอีกว่า
ตนมาอยู่กับเจ้าอาวาส มาช่วยขับรถยนต์และคอยซื้อของให้ ซึ่งเจ้าอาวาสจะให้เงินใช้จ่ายเป็นบางครั้งบางคราว และด้วยความที่ตนมีนิสัยเป็นกะเทย จึงถูกเจ้าอาวาสเกี้ยวพาราสีจนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ซึ่งตนเองก็ชอบและหลงใหลในเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาโดนเจ้าอาวาสตุ๋ยอย่างรุนแรงจนทำให้ท้องเสีย ทำให้เมื่อคืนไม่สบายจึงไม่ร่วมวงดื่มด้วย หลังจากนั้นตนได้ไปเห็นรอยคราบอสุจิบนที่นอนจึงเกิดความหึงหวง และมีการต่อว่ากันขึ้น ก่อนเจ้าอาวาสจะทำร้ายตนจนบาดเจ็บดังกล่าว
ด้านพ.ต.ท.วันชัย ดอกขัน พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเปิดเผยว่า
ในชั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ได้รับคดีทำร้ายร่างกายไว้เป็นเบื้องต้น และในช่วงเช้าได้ส่งตัวนายพรศักดิ์ ไปตรวจร่างกายที่ร.พ.สมเด็จพระยุพราชฉวาง เพื่อขอใบรับรองแพทย์ โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสในคดีทำร้ายร่างกาย และจนบัดนี้ยังไม่พบตัวเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวแต่อย่างใด
ด้านนายสุริยันต์ อนุภักดิ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 ม.8 ต.ฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ประธานประชาคมหมู่บ้าน ต.ฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า
เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วและเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปของชาวบ้านบริเวณวัด แต่จับไม่ได้และไม่มีหลักฐาน ที่ผ่านมาตนและชาวบ้านพยายามที่จะแก้ปัญหา โดยการประสานกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวรายหนึ่งมาติดตามเปิดโปงพฤติกรรมของเจ้าอาวาสรายนี้ แต่ปรากฏว่ากลับมีการเจรจากันและจ่ายเงินปิดปากไปถึง 50,000 บาท ทำให้เรื่องเงียบหายไป ซึ่งทำให้ชาวบ้านเสียความรู้สึก ดีใจที่เรื่องนี้อื้อฉาวขึ้น เพราะจะกำจัดมารศาสนาออกไปเสียที
สำหรับพระครูอเนกธรรมคุณ เจ้าอาวาสรูปนี้ เป็นเจ้าอาวาสวัดควนสูงมานานนับสิบปี
และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว จนชาวบ้านที่ทราบถึงพฤติกรรมไม่พอใจ พยายามที่จะขับไล่ออกจากวัด ในขณะที่ชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่นับถือและไม่เชื่อว่าเจ้าอาวาสรูปนี้จะทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม จึงต้อง การให้จำพรรษาอยู่ที่วัดต่อไป บางครั้งชาวบ้านต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่าย มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ จนกระทั่งก่อเหตุขึ้นอีก จนชาวบ้านต้องมาล้อมกุฏิเจ้าอาวาสในครั้งนี้
ด้านนายสกล จันทรักษ์ นายอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในส่วนของอำเภอดำเนินการโดยให้วัฒนธรรมอำเภอเข้าไปติดตามตรวจสอบประสานงานกับคณะสงฆ์ในการดำเนินการ ซึ่งต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1.เป็นเรื่องของฝ่ายสงฆ์ และ 2.เป็นเรื่องของฝ่ายบ้านเมือง ที่จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ว่าใครก็แล้วแต่ในเมื่อเป็นพระสงฆ์ทำตัวอย่างนี้ เชื่อว่ารับไม่ได้แน่นอน