หลังจากที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ย่านปริมณฑล อาทิ ย่านดอนเมือง มีนบุรี สายไหม ไปจนกระทั่งถึงพื้นที่จังหวัดนครนายก
กลายเป็นเมืองในหมอกในช่วงเช้าวันที่ 21 ม.ค. จนถึงเช้าวันที่ 22 ม.ค. ก็ยังตกอยู่ในสภาพมีหมอกปกคลุมหนาทึบ ทำให้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ต้องเปิดไฟหน้ารถในการขับขี่ นอกจากนี้ยังทำให้เครื่องบินไม่สามารถร่อนลงสนามบินได้ตามปกติ เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.)
เปิดเผยเมื่อ 22 ม.ค. ว่า จากสภาวะอากาศที่หมอกลงหนาจัดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในช่วงเช้าวันที่ 22 ม.ค. ส่งผลให้ทัศนวิสัยต่ำ ทำให้ เครื่องบินไม่สามารถทำการบินลงที่ ทสภ. ช่วงเวลา 07.00-08.00 น. รวมทั้งสิ้น 11 เที่ยวบิน และต้องเปลี่ยนเส้นทางไปแวะลงจอดชั่วคราวที่ท่าอากาศยานดอนเมือง 8 เที่ยวบิน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน และท่าอากาศยานภูเก็ต 2 เที่ยวบิน
โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. สายการบินไทย เที่ยวบิน ที่ทีจี 975 จากโดโมดีโดโว ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
2. สายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 518 จากดูไบ ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
3. สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ เที่ยวบินที่พีจี 100 จากสมุย ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
4. สายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ซีไอ 066 จากอัมสเตอร์ดัม ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
5. สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ คิวอาร์ 612 จากโดฮาร์ ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
6. สายการบินกัลฟ์แอร์ เที่ยวบินที่จีเอฟ 150 จากบาห์เรน ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
7. สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก เที่ยวบินที่ซีเอ็กซ์ 2700 จากการาจี ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
8. สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่เอฟดี 880 จากกัวลาลัมเปอร์ ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
9. สายการบินซาอุดีอาระเบีย เที่ยวบินที่ SV 999 จากเซี่ยงไฮ้ ไปลงที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่
10. สายการบินเอธิฮัดแอร์เวย์ เที่ยวบินที่อีวาย 402 จากอาบูดาบี ไปลงที่ท่าอากาศยานภูเก็ต
11. สายการบินเจ็ตแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ดับบลิว 062 จากมุมไบไปลงที่ท่าอากาศยานภูเก็ต
นายเสรีรัตน์กล่าวต่อว่า กระทั่งถึงช่วงเวลา 09.00น. สภาวะอากาศดีขึ้น ทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถให้บริการเที่ยวบินขึ้น-ลงได้ตามปกติ
โดยเที่ยวบินที่ไปแวะลงจอดชั่วคราวที่ท่าอากาศยานแห่งอื่น ได้ทยอยบินกลับมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามเดิม ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีหมอกลงจัด อาจทำให้เกิดทัศนวิสัยต่ำได้อีก ดังนั้นผู้ใช้บริการ ผู้ไปรับ-ส่งผู้โดยสาร ขอให้ติดต่อสอบถามรายละเอียดเที่ยวบินล่วงหน้าได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ท่าอากาศยาน โทร. 0-2132-1886-7 หรือคอลเซ็นเตอร์ 0-2132-1888 และ 0-2132-3888
นายเมธี มหายศนันท์ หัวหน้าเวรพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศว่า สาเหตุที่ในระยะนี้ทุกภาคของประเทศไทย รวมทั้งในเขต กทม.และปริมณฑลมีหมอกในตอนเช้า และหมอกหนาในหลายพื้นที่
เนื่องจากความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง หรืออุณหภูมิสูงขึ้น ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศ ไทยตอนบนอีก เมื่อสองปัจจัยดังกล่าวมากระทบกัน จึงทำให้ไอน้ำในอากาศเกิดการกลั่นตัว จนเกิดหมอกขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีความชื้นมากก็จะเกิดหมอกหนา จะเป็นเช่นนี้ไปอีก 1-2 วัน ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัด ระวังอันตรายในการสัญจร ขณะที่วันที่ 24-26 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากจีนอีกระลอกหนึ่ง จะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป และอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร