โจรใต้รัวดับคารถ!เจ้าของร้านก่อสร้าง

"ฆ่ารายวันไม่รามือ"


โจรใต้เดินหน้าฆ่ารายวันไม่รามือ เหยื่อรายล่าสุดเป็นเจ้าของกิจการวัสดุก่อสร้างที่ระแงะ เจอซิ่งจยย.ประกบรถปิคอัพ รัว 9 ม.ม.ใส่ 6 นัดรวดตายคาเบาะที่นั่ง เผยก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายเพิ่งไปกินข้าวกับสารวัตรกำนัน อิ่มแล้วก็ขับรถไปส่งสารวัตรกำนันถึงบ้าน แต่แค่คล้อยหลังเท่านั้น โจรก็ปราดเข้ามาลงมือสังหารทันที สงสัยไม่พอใจที่ผู้ตายมักประสานงานกับกำนันและสารวัตรกำนันบ่อยครั้ง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 ก.ค. ร.ต.ท.ศรเพชร ตันติอมรชัยกุล ร้อยเวรสภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสายระแงะ จะแนะ หน้ามัสยิดดารุลฮูดา บริเวณบ้านบาโงตา หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.อ.ระแงะ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สตราด้า 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กข-6308 นราธิวาส มีร่องรอยถูกระสุนปืนเป็นรูบริเวณประตูด้านคนขับและกระจกข้างแตกละเอียด ตรวจสอบในรถพบศพนายเจ๊ะอูมา ยูโซะ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/4 หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.จำนวน 6 นัด เข้าบริเวณใบหน้า ศีรษะและลำตัว เสียชีวิตคาที่อยู่บนเบาะ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. จำนวน 6 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ

จากการสอบสวนทราบว่า นายเจ๊ะอูมาเป็นเจ้าของสวนยางหลายแห่งในอ.ระแงะ และยังเป็นเจ้าของกิจการขายวัสดุก่อสร้าง ก่อนเกิดเหตุนายเจ๊ะอูมาไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลตันหยงมัส อ.ระแงะ ร่วมกับนายอับดุลรอแม มูโซะ อายุ 50 ปี สารวัตรกำนัน ต.บาโงสะโต หลังรับประทานอาหารเสร็จ นายเจ๊ะอูมาจึงขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว โดยมีนายอับดุลรอแมนั่งมาด้วยมุ่งหน้าไปยังบ้านพักนายอับดุลรอแม เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุ นายอับดุลรอแมจึงลงจากรถเดินตรงไปในบ้านพัก ซึ่งอยู่เยื้องกับมัสยิด ขณะที่นายเจ๊ะอูมากำลังจะเหยียบคันเร่งเพื่อกลับบ้านพัก มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาทางด้านข้างคนขับ จากนั้นคนที่นั่งซ้อนท้ายชักอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. จ่อยิงในระยะเผาขน 6 นัดซ้อน กระสุนถูกนายเจ๊ะอูมาเสียชีวิตดังกล่าว


"ไม่พอใจให้ความร่วมมือกับทางการ"


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เป็นฝีมือของโจรใต้ ซึ่งอาจไม่พอใจพฤติกรรมที่ผู้ตายมักคลุกคลีและให้ความร่วมมือประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านและสารวัตรกำนันในพื้นที่บ่อยครั้ง ซึ่งกลุ่มคนร้ายเคยประกาศก่อนหน้านี้จะไม่ประกันความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินกับผู้ที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือทางการ

สำหรับจากกรณีคนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อ.รามัน จ.ยะลา ชุดคุ้มครองครูในพื้นที่หมู่ 3 บ้านบูเก๊ะบือราแง ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 1 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากชุดสืบสวนสภ.อ.รามัน จ.ยะลา ว่า จากการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุพบว่า คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุมีนายรุสลี (ขอสงวนนามสกุล) รวมอยู่ด้วย โดยออกมายึดอาวุธปืนจากผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งนายรุสลีเป็นลูกชายผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในอ.รามัน จ.ยะลา โดยพยานระบุว่า ในวันเกิดเหตุสวมเสื้อแขนยาวสีดำเขียนอักษรภาษารูมีไว้ด้านหลังเสื้อ พร้อมผ้าพันคอ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวแล้ว ส่วนผู้ต้องสงสัย 8 คน ที่ควบคุมตัวมาก่อนหน้านี้ ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมากซึ่งผลการสอบสวนยังไม่สามารถเปิดเผยได้

แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ให้เพิ่มระดับความระมัดระวังขณะปฏิบัติหน้าที่ และขณะทำภารกิจส่วนตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีรายงานข่าวระบุว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีแผนที่จะก่อเหตุในช่วงวันที่ 28-30 ก.ค.นี้ และมีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ตัวแทนกลุ่มเยาวชนกู้ชาติปัตตานี PERMUDA ประชุมที่บ้านของแกนนำคนสำคัญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่รอยต่ออ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กับต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเชื่อว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีแผนที่จะก่อเหตุอีก จึงขอให้ทุกฝ่ายมีการประสานด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด

หน่วยข่าวยังแจ้งเตือนอีกว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นับถือศาสนาอิสลาม และปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ระมัดระวังตัวขณะไปทำภารกิจทางศาสนาที่มัสยิดเป็นพิเศษ เนื่องจากพบว่ากลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ยังคงมีแผนที่จะลอบยิงเจ้าหน้าที่ ขณะไปทำละหมาดที่มัสยิด โดยเฉพาะช่วงทำพิธีละหมาด เนื่องจากเป็นช่วงที่ทุกคนขาดความระมัดระวังและเป็นโอกาสที่กลุ่มคนร้ายลงมือปฏิบัติการ


"ยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา"


วันเดียวกัน เวลา 15.30 น. คณะแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 54 อาการของครูจูหลิง ปงกันมูลว่า ภาวะโดยทั่วไปคงที่ยังคงไม่รู้สึกตัวต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา สมองและก้านสมองไม่มีการตอบสนองต่อการกระตุ้น สัญญาณชีพคงที่ ความดันโลหิตและชีพจรปกติ ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีไข้ ส่วนภาวะปอดอักเสบดีขึ้น หลังจากที่แพทย์ได้ใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา นอกจากนี้ แพทย์ได้เพิ่มปริมาณอาหารและน้ำผ่านทางสายยาง เนื่องจากร่างกายสามารถรับอาหารทางสายยางได้เป็นปกติ ในขณะที่ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ โดยเฉพาะแผลกดทับนั้นไม่มี ส่วนแผนการรักษาของแพทย์ยังคงเฝ้าดูเรื่องของสมองและรักษาไปตามอาการในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพ่อแม่ครูจูหลิงนั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีความหวังและกำลังใจที่ดีเยี่ยม ภายหลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยอาการบาดเจ็บของครูจูหลิง และให้คณะแพทย์รายงานความคืบหน้าอาการให้ทราบในทุกๆ วัน

ส่วนที่ศาลจังหวัดปัตตานี เวลา 09.00 น. พนักงานอัยการปัตตานีนัดสืบพยานผู้ร้องคดีชันสูตรพลิกศพ เหตุนองเลือดที่มัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 จำนวน 4 ปาก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตชด. 1 นาย และทหาร 3 นาย เพื่อไต่สวนชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย ซึ่งปรากฏว่าพยานผู้ร้องเดินทางมาเพียงคนเดียวคือ นายมะสู บือราฮางุ และศาลได้พิเคราะห์ว่าคำให้การของพยานทั้ง 4 ปากในชั้นสืบสวนไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ตาย ไม่ได้เป็นผู้ที่ทำให้ตาย และไม่ได้ระบุว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ จึงถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไต่สวนชันสูตรพลิกศพในคดีนี้ ทางอัยการผู้ร้องขออ้างส่งเอกสารคำให้การบันทึกการตรวจบาดแผล ทนายผู้คัดค้านไม่ได้คัดค้าน จึงเลื่อนนัดสืบพยานเป็นวันที่ 13 ก.ค.

นายอนุรักษ์ สวัสดิ์บุรี อัยการ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ในคดีนี้ญาติผู้ตายได้ตั้งทนายร้องคัดค้าน 17 ราย จาก 32 ราย ซึ่งเป็นสิทธิของญาติผู้ตายที่สามารถร้องคัดค้านได้ คดีนี้จะมีการไต่สวนพยานผู้ร้อง 82 ราย โดยขณะนี้ได้ทำการไต่สวนแล้ว 10 ปาก คาดว่าจะสามารถไต่สวนแล้วเสร็จ ในปลายเดือนก.ย.2549

"การทำคดีนี้ไม่ได้รู้สึกลำบากใจหรือวิตกกังวล หลังจากที่ทางญาติของผู้ตายได้ร้องขอให้ทางสภาทนายความเป็นทนายให้ เพราะเป็นสิทธิของผู้คัดค้าน และจะไม่มีปัญหาในการทำงาน เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่ากรณีมีผู้สียชีวิตหรือทำให้ได้รับบาดเจ็บจะต้องมีการสืบพยานตามกฎหมายว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีการตายอย่างไร ที่ไหน ตายเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่" นายอนุรักษ์กล่าว

ด้านพล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงข้อเสนอที่ให้มีการฟื้นศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ว่า ปัญหาพื้นที่ภาคใต้ต้องเข้าใจให้ดีและการที่จะฟื้นศอ.บต. ควรมีการศึกษาเพื่อประมวลผลเปรียบเทียบว่าหลังจากยกเลิกศอ.บต.แล้วมีปัญหาอะไร จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ โดยควรวิเคราะห์ให้ดีว่า เมื่อครั้งที่มีศอ.บต.ทำอย่างไรเหตุการณ์จึงสงบได้ การที่จะนำระบบเก่าที่ยกเลิกแล้วกลับมาใช้อีกครั้ง ขอเน้นย้ำให้วิเคราะห์เปรียบเทียบก่อน และศึกษาด้วยว่า ยกเลิกเพราะอะไร


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์