25 วินาที กวาด 7 หมื่นปล้นแบงค์กรุงไทย

2 โจรบุกชิงเงินแบงก์กรุงไทย สาขาศรีนครินทร์ เขตประเวศใ ช้เวลา 25 วินาทีกวาด 7 หมื่นหนีลอยนวล

เมื่อเวลา
16.30 น. วันที่ 20 มกราคม พ.ต.ต.ทรงกลด พัฒนวราภรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ประเวศ รับแจ้งคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงทรัพย์ภายในธนาคารกรุงไทย สาขาศรีนครินทร์ กม.9 เลขที่ 900/1-5 ซ.ศรีนครินทร์ 45 ถ.ศรีนครินทร์ ขาออก แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ประเวศ เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ บก.น.4 และ สน.ประเวศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบของ กก.สส.บก.น.4 และ สน.ประเวศ
 ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาริชย์สูง 4 ชั้น เป็นอาคารของธนาคารกรุงไทยมี ด้านในมีเจ้าหน้าที่ของธนาคารจำนวน 8 คน อยู่ในสภาพตื่นตกใจ เนื่องจาก 1 ในคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า บริเวณฟ้าเพดานมีร่องรอยถูกยิงเป็นรู 1 แห่ง และบริเวณพื้นภายในธนาคาร พบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. แบบออโตเมติก 1 ปลอกตกอยู่

 น.ส.ธิติรัตน์ หมะประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าของธนาคารดังกล่าว ให้การว่า ปกติธนาคารจะปิดทำการเวลา 16.30 น. คนร้ายเข้ามาก่อเหตุเวลาประมาณ 16.18 น.ขณะนั้นลูกค้าได้ออกไปจากธนาคารหมดแล้ว ทางธนาคารใกล้ได้เวลาปิดทำการ และเป็นช่วงเวลาเก็บรวบรวมเงินที่ลูกค้านำมาฝากตลอดทั้งวัน ซึ่งคนร้ายมาด้วยกัน 2 คนแต่งกายสวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว สีดำ กางเกงยีนขายาว สวมหมวกกันน็อคแบบครึ่งใบมีกระจกปิดบังใบหน้าทั้ง 2 คน คนหนึ่งใส่หมวกสีแดง อีกคนใส่สีดำ และคนร้ายทั้งสองคนสวมใส่ถุงมือด้วย

 น.ส.ธิติรัตน์ กล่าวว่า ขณะที่ตนกำลังรวบรวมเงินทั้งหมดเกือบ 1 แสนบาทก็มีคนร้ายทั้งสองคนเปิดประตูเข้ามาในธนาคารอย่างรวดเร็ว คนที่สวมหมวกกันน็อคสีแดงยืนดูต้นทางอยู่ด้านนอก และมีอาวุธปืน ส่วนคนที่ใส่หมวกกันน็อคสีดำวิ่งเข้ามาแล้วกระโดดข้ามเค้าเตอร์มาหาตนซึ่งกำลังรวบรวมเงินอยู่ จากนั้นคนร้ายได้กวาดเอาเงินที่ตนนับแล้วใช้หนังยางรัดไว้เป็นปึกประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท แล้วกระโดดข้ามเค้าเตอร์ออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนร้ายที่สวมหมวกกันน็อคสีแดงก็เดินเข้ามาแล้วชักอาวูะปืนยิงขึ้นไปโดนฟ้าเพดาน 1 นัด แล้วตะโกนสั่งทุกคนในธนาคารให้หมอบลง แล้วคนร้ายทั้ง 2 คนก็วิ่งออกไปขึ้นรถจักยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อรุ่น และไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนี ใช้เส้นทาง ถ.ศรีนครินทร์ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางปากน้ำ

 "ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้ายมาชิงทรัพย์ เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีพวกแมชเซ็นเจอร์ชอบเอาเงินมาเข้าบัญชีก่อนธนาคารปิดด้วยความลุกลี้ลุกลน เมื่อฉันแน่ชัดว่าเป็นคนร้ายฉันก็ตั้งสติ มือข้างหนึ่งของฉันแตะไว้ที่ปุ่มสัญญานแจ้งเหตุอัตโนมัติ เมื่อคนร้ายกระโดดขึ้นเค้าเตอร์ข้ามมาหาฉัน ฉันก็ตัดสินใจกุดปุ่มสัญญาณ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปหากลุ่มเพื่อนที่หลบอยู่ด้านข้างเค้าเตอร์ ซึ่งคนร้ายใช้เวลาในการก่อเหตุรวดเร็วมาก โดยใช้เวลาประมาณ 25 วินาที ตั้งแต่เริ่มเข้ามาจู่โจม แล้วก็กวาดเอาเงินหลบหนี แต่ต่อมาอีกประมาณไม่ถึง 5 นาทีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจก็เดินทางมาตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจากสัญญาณอัตโนมัต" น.ส.ธิติรัตน์ กล่าว

 ด้านนายประดิษฐ์ ยอดไกรศรี อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคาร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านหลังขณะที่กำลังเก็บสายยางก็ได้ยินเสียงปืน ตนจึงรีบวิ่งไปดูปรากฏว่ามีคนร้ายเป็นชายสองคนกำลังก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนตนจึงสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ เมื่อคนร้ายขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีตนก็รีบวิ่งตามไปดูก็พบเพียงด้านหลังคนร้าย ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีก็มองไม่ชัด ตนเห็นเป็นรถแบบผู้หญิง เกียร์ออโตเมติก สีแดงคาดขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน

 พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า หลังได้รับรายงานเหตุดังกล่าวก็เดินทางมาร่วมตรวจสอบ เพราะถือว่าคนร้ายก่อเหตุอุกอาจท้าทายกฏหมายบ้านเมือง  จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของธนาคารพบว่าคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุรวดเร็วมาก ใช้เวลาไม่เกิน 25 วินาที ซึ่งคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาสังเกตุความเคลื่อนไหวของทางธนารคาร และวางแผนก่อเหตุไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะคนร้ายเลือกใช้เวลาที่ธนาคารใกล้จะปิด เนื่องจากคนไม่พลุกพล่าน ความระมัดระวังของเจ้าหน้าที่ธนาคารก็มีน้อย ประกอบกับเป็นช่วงที่ธนาคารรวบรวมเงินจำนวนมาก หลังเกิดเหตุตนก็สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายสืบของ บก.น.4 รวมกับ สายสืบของ สน.ประเวศ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆที่คนร้ายหลบหนี ทั้งห้างสรรพสินค้า และสี่แยกไฟแดง เพื่อหาเบาะแสเส้นทางหลบหนีของคนร้าย

 ผบช.น. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะให้เจจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนทำงานอย่างละเอียดรัดกุม ให้นำพยานในที่เกิดเหตุรวมทั้งผู้จัดการธนาคารไปสอบปากคำอย่างละเอียด ว่าที่ผ่านมามีพนักงานเคยลาออกไปหรือถูกไล่ออกไปหรือไม่ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นฝีมือของคนในหรือไม่นั้นทางเจ้าหน้าที่ไม่ขอฟันธง ต้องรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพนักงานทุกคนอย่างละเอียดก่อน สำหรับการติดตามจับกุมคนร้ายนั้นต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เพราะจากกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นหน้าตาคนร้าย และผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่เห็นหน้าคนร้ายเช่นกัน
  


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์