ติ๊นา-ณัฐวุฒิ เปิดศึก ´อ้อม´

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่ 3 มี.ค. ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่นักร้องสาวชื่อดัง คริสติน่า อากีลาร์ พร้อม ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ พระเอกหนุ่มช่อง 7 แป๊บ-ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม ดาราและพิธีกรรายการ กีตาร์-ศิริพิชญ์ กฤษณะเศรณี นักแสดงละครค่ายกันตนา อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน ดีเจหนุ่มคลื่นกรีนเวฟ และนายพุทธพจน์ จิตสมบูรณ์ผล ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประดิษฐ์ ดังสมเจตต์ กับ อ้อม-ศานันทินี พันธ์ชูจิตร ภรรยาของเกริก ชิลเลอร์ ดาราหนุ่ม เป็นจำเลยฐานแจ้งความเท็จ ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และ พ.ร.บ.ห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัด

คดีนี้ฝ่ายโจทก์ทั้งหมดให้ น.ส.อังษณา จิตสมบูรณ์ผล เป็นผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีแทน จึงไม่จำเป็นต้องเดินทางไปศาล ส่วนฝ่ายจำเลยแค่ส่งทนายความมาเช่นกัน คำฟ้องมีใจความว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 44 โจทก์และจำเลยตกลงเข้าหุ้นกันเปิดบริษัทมาสเตอร์พีซ ครีเอชั่น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 519/521 ถนนศรีเวียง แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. ดำเนินกิจการเกี่ยวกับธุรกิจรายการบันเทิงสื่อต่างๆ เริ่มต้นมี 1 หมื่นหุ้น ทุนจด ทะเบียน 1 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. 47 ถึง 5 เม.ย. 47 จำเลยได้ร่วมกันพิมพ์ข้อความในหนังสือนำส่งผู้ถือหุ้นว่า ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 47 เพื่อรับรองความถูกต้องของบัญชีผู้ถือหุ้น โดยระบุว่า โจทก์ทั้ง 6 คนไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นอีกต่อไป อันเป็นความเท็จแล้วนำเอกสารดังกล่าวไปแสดง ต่อเจ้าพนักงานนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร

จำเลยมีเจตนานำบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ แทนโจทก์อันเป็นการระงับสิทธิ์ของโจทก์ ทั้งที่ความจริงไม่มีการประชุมในวันดังกล่าว อีกทั้งยังหลอกลวงนายทะเบียนว่า กลุ่มโจทก์ยินยอมออกจากบริษัท ให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จนั้นในเอกสารราชการ ทำให้นายทะเบียนถอนชื่อออกจากบัญชีผู้ถือหุ้น และการที่เจ้าพนักงานหลงเชื่อจดข้อความเท็จลงในเอกสาร ถือว่าเป็นการกระทำผิดต่อเจ้าพนักงานที่รับจดข้อความด้วย เหตุเกิดที่บริษัทมาสเตอร์พีซ ครีเอชั่น จำกัด และสำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ ถนนสีลม ขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมาย แต่ศาลขอเลื่อนการพิจารณาเป็นวันที่ 20 มี.ค.นี้แทน

สำหรับคดีที่เกิดขึ้น บรรดากลุ่มของนักร้องและดาราดังได้ยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. 48 แต่เพิ่งมาไต่สวนมูลฟ้อง เพราะคู่ความขอไกล่เกลี่ยจนได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า การตรวจสอบบัญชีเริ่มตอนสมัยบริษัทกิจการรุ่งเรืองมีรายได้ประมาณ 99 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรร้อยละ 40 ฝ่ายโจทก์ต้องได้ส่วนแบ่งคนละ 3.6 ล้านบาท และรับไปแล้วคนละ 479,000 บาท เหลืออีกคนละ 3 ล้านบาท แต่จำเลยกลับเสนอเงินได้ให้ไม่เกินคนละ 150,000 บาท เป็นตัวเลขที่แตกต่างกันมาก ศาลจึงงดการไกล่เกลี่ยก่อนนัดไต่สวนมูลฟ้อง