เมื่อเวลา 23.20 น. วันที่ 16 ม.ค. ร.ต.อ.สาธิต หนูฤทธิ์ ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุคนถูกยิงตายที่ร้าน Farang 2 ซอยบางใหญ่ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หมู่ 5 ต.วิชิต
จึงรายงานให้ พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.พิศิษฐ์ ชื่นเพ็ชร รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วิจักษณ์ ตารมย์ สว.สส. นำกำลังตำรวจ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพดล กันตะกนิษฐ์ ผกก.วท.เขต 44 ภูเก็ต นพ.ทินกร พงษ์วิวัฒน์ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.วชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นร้านสเต็กและอาหารสไตล์อิตาเลียน-ไทย เป็นอาคารชั้นเดียวรูปตัวแอลแบบเปิดโล่งค่อนข้างหรูหรา มีชาวบ้านมุงดูจำนวนมาก
บริเวณโต๊ะนั่งด้านข้างร้านติดถนนพบศพเหยื่อกระสุนทราบชื่อนายชิต รักงาม อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน บ้านเดิมอยู่เลขที่ 99 หมู่ 4 ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนสั้นลายทางดำ นุ่งกางเกงสามส่วนสีเทา นั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ ศีรษะเงยไปทางด้านหลัง ถูกยิงด้วยปืน .38 ที่ขมับซ้ายทะลุขวา 1 นัด เลือดไหลทะลักหยดลงไปกองที่พื้นจำนวนมาก นอกจากนี้มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ถูกนำส่ง รพ.วชิระภูเก็ต ทราบชื่อนายสุพัฒน์ ไชยโยดง อายุ 37 ปี วิศวกรผู้รับเหมาก่อสร้าง ถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันที่เข่าขวา 1 นัด ในที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนปืน .38 ตกอยู่ใต้โต๊ะ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนบนโต๊ะมีจานอาหาร 2 จานเหลือแต่เศษสเต็ก โดยมีแบบบ้านสไตล์ต่างๆวางอยู่ 2 เล่ม ขวดน้ำเปล่า 2 ขวด และตกอยู่ใต้โต๊ะอีก 1 ขวด
จ่อยิงหัวฆ่า เสี่ยร้านสเต็ก ปมขัดธุรกิจ-ชู้สาว
สอบสวนทราบว่านายชิตผู้ตายเป็นเจ้าของร้าน “Farang” ร้านสเต็กและอาหารสไตล์อิตาเลียน-ไทย ชื่อดังใน จ.ภูเก็ต มีด้วยกันทั้งหมด 3 สาขา ที่เกิดเหตุเป็นสาขา 2 และเป็นร้านที่สร้างชื่อเสียงให้กับผู้ตายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบรรดานักธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งกลุ่มสาวไฮโซชอบนัดมาพบปะพูดคุยรับประทานอาหารกัน เนื่องจากมีบรรยากาศสบายๆและอาหารอร่อย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเพิ่งเดินทางกลับจากกรุงเทพฯมาถึงในช่วงสายวันเดียวกัน จากนั้นในช่วงค่ำได้นัดนายสุพัฒน์คนเจ็บซึ่งเป็นวิศวกรผู้รับเหมาก่อสร้างมานั่งพูดคุยเพื่อดูรูปแบบร้านอาหารที่กำลังจะขยายสาขาเพิ่มเติม กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะทั้งสองนั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลิน โดยผู้ตายนั่งหันหลังให้กับถนน ได้มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 2 คน ขี่รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ สี และทะเบียน มาจอดริมถนน คนนั่งซ้อนท้ายลงจากรถเดินปรี่เข้ามาพร้อมชักปืนออกจากเอวจ่อยิงเข้าที่ศีรษะผู้ตาย 1 นัด จนร่างผงะหงายหลังเลือดไหลทะลักเสียชีวิตคาที่
ท่ามกลางความตกตะลึงของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมทั้งพนักงานในร้านที่เห็นเหตุการณ์สยองขวัญต่อหน้าต่อตา ก่อนที่มือปืนโหดจะลั่นไกยิงซ้ำอีกนัดแต่กระสุนพลาดไปโดนเข่าขวานายสุพัฒน์วิศวกรที่นั่งอยู่ข้างๆได้รับบาดเจ็บ แต่มือปืนยังไม่ละความพยายามลั่นไกยิงซ้ำอีก 1 นัด คราวนี้กระสุนก็ยังพลาดเป้าไปโดนที่พื้น จึงวิ่งกลับไปที่รถ จยย.ที่เพื่อนอีกคนติดเครื่องรออยู่หลบหนีไปตามถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 มุ่งหน้าออกนอกเมือง ตำรวจวิทยุสกัดจับแต่ไม่พบวี่แวว
สำหรับปมสังหารโหดเบื้องต้นตำรวจตั้งไว้ 2 ประเด็น ประเด็นแรกมาจากเรื่องขัดผลประโยชน์ธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากนายชิตผู้ตายบริหารร้านจนประสบความสำเร็จและเตรียมขยายสาขาเพิ่มเติม
อีกทั้งกำลังจะขยายร้านที่ทำอยู่ให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าให้ได้จำนวนมาก อาจทำให้คู่แข่งทางธุรกิจเกิดความอิจฉาและโกรธแค้นที่ตัวเองสูญเสียผลประโยชน์จึงส่งมือปืนมากำจัดให้พ้นทาง กับอีกประเด็นคือเรื่องชู้สาว เนื่องจากที่ร้านดังกล่าวเป็นที่นิยมในแวดวงสังคมชั้นสูงและนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก มักจะมีกลุ่มสาวไฮโซใน จ.ภูเก็ต ชอบมานั่งจิบไวน์รับประทานสเต็กเป็นประจำทุกค่ำคืน จนมีหญิงสาวบางคนเกิดความชอบพอผู้ตาย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านที่เข้ามาพูดคุยทักทายลูกค้าในร้าน จนอาจเป็นชนวนเหตุให้ถูกยิงตายก็เป็นได้