อุกอาจแก๊งโจรเมืองกรุงเก่า อ้างตัวเป็นตำรวจ บุกปล้นหอพักสาวใหญ่ ย่านบางไทรกลางดึก
อ้างค้นหาปืน 11 มม. ก่อนจับ 3 แม่ลูกใส่กุญแจมือ ใช้ถุงดำครอบหัว แล้วกวาดทรัพย์ร่วม 4 แสน อุ้มสองลูกชาย ไปทิ้งท่าน้ำติวานนท์ จนท.คาดคนใกล้ชิดลงมือก่อเหตุ ล่าสุดตามรวบคนมีสีได้แล้ว 4 ราย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 ม.ค. พ.ต.ท.อานนท์ รุจิยาปนนท์ สวส. สภ.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ ที่บ้านเลขที่ 54/4 หมู่ 1 ต.โพธิ์แตง อ.บางไทร จึงพร้อม พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวส รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่วิทยาการ เขต 12 รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบบ้านหลังดังกล่าว เปิดเป็นหอพักให้เช่า พบนางเสาวนีย์ บุญณะ อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน ยืนรอเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตื่นตกใจ ให้การด้วยเสียงสั่นเครือว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ตนพร้อมลูกชาย รวม 3 คน เตรียมจะเข้านอน
ต่อมามีรถกระบะรวม 3 คัน ไม่ติดแผ่นป้าย มาจอดที่หน้าบ้านริมถนนสายบาง ปะอิน-เชียงรากน้อย ก่อนจะมีชายฉกรรจ์ที่นั่งมาในรถ รวม 11 คน
โดยมีนายหนุ่ม ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งรู้จักกับลูกชายนั่งมาด้วย ทำทีมาติดต่อขอเช่าห้องพัก ก่อนทั้งหมดจะวิ่งกรูเข้ามาจับลูกชายทั้งสอง พร้อมตนใส่กุญแจมือนำถุงดำครอบศีรษะ และบังคับให้ตนนำเข้าไปในห้องนอน โดยคนร้ายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจหาปืน 11 มม. ของลูกชายคนโต ก่อน ทั้งหมดจะแยกย้ายกันค้นข้าวของทุกซอกทุกมุมภายในบ้านจนกระจัดกระจาย แล้วคนร้ายช่วยกันปลดเอาสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ แหวนทองคำ ของตนและลูกชาย รวมน้ำหนัก 14 บาท ปืน 11 มม. โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และเงินสดอีก 5 พันบาท รวมทรัพย์สินประมาณ 4 แสนบาท หลบหนีไป
โดยที่คนร้ายได้อุ้มลูกชายทั้งสองคน ในขณะสวมกุญแจมือ ขึ้นรถกระบะไปด้วย ส่วนตนถูกจับล็อกไว้ในห้องนอน
จากนั้นช่วงเวลา 06.00 น. ลูกชายทั้งสองคนได้ถูกคนร้ายนำตัวไปปล่อยทิ้งย่านท่าน้ำติวานนท์ อ.เมืองนนทบุรี ก่อนที่ลูกชายจะเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้าน กลับมาช่วยตนออกจากห้องนอน ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าเป็นคนในพื้นที่ และน่าจะรู้จักผู้เสียหายเป็นอย่างดี ซึ่งจะได้สืบสวนหาข้อมูลเพื่อติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายต่อไป
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวนสามารถจับกุมแก๊งคนร้ายดังกล่าวได้แล้วบางส่วน ซึ่ง 3 คนในแก๊งคนร้ายเป็นคนมีสี และอีก 1 คนเป็นอดีตสีกากี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่.