อภิมหาเศรษฐีโลกโดดให้รถไฟทับ

เอเอฟพีรายงานเมื่อ 7 ม.ค. ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทำให้เกิดปัญหาการฆ่าตัวตายมาขึ้นในหลายประเทศ

ล่าสุด อภิมหาเศรษฐีระดับโลกชาวเยอรมันก่อเหตุสยอง กระโดดให้รถไฟทับตายหนีปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนที่สหรัฐ ผู้บริหารบริษัทประมูลอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ยิงปืนระเบิดสมองลาโลกเช่นัน

กรณีแรก นายอดอล์ฟ แมร์กคลี มหาเศรษฐีชาวเยอรมัน วัย 74 ปี

กระโดดให้รถไฟแล่นทับร่างแหลกเละนอกเมืองอูล์ม หลังเกิดเหตุ ทางครอบครัวออกแถลงการณ์ว่า นายแมร์กคลีตั้งใจฆ่าตัวตาย เพราะที่ผ่านมาทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อบริษัทและครอบครัว กระทั่งเกิดปัญหาทางการเงินเพราะผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกจึงเครียดจัดและสิ้นหวังมาก ทั้งยังไม่มีทางออก เพราะพยายามวิ่งเจรจาขอความช่วยเหลือจากธนาคารหลายแห่งแต่ไม่เป็นผล

นายแมร์กคลีเป็นนักธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จอย่างสูง

เป็นเจ้าของกิจการกลุ่มไฮเดลเบิร์กซีเมนต์และทำธุรกิจเครื่องจักรและยารักษาโรค มีทรัพย์สิน 3.2 แสนล้านบาท ติดอันดับ 94 ในการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บส์ ปี 2551 ร่วงจากปี 2550 ที่อยู่อันดับ 44 นอกจากนั้น ตลอดปี 2551 ยังพลาดท่าจากการเก็งกำไรหุ้นชอร์ตเซลของบริษัทรถยนต์โฟล์กสวาเกน สูญเงินไปหลายหมื่นล้านบาท

ที่สหรัฐ ตำรวจพบศพนายสตีเวน กู๊ด วัย 52 ปี ผู้บริหารบริษัทเชลดอน กู๊ด แอนด์ โค. เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้า

ใช้อาวุธปืนยิงระเบิดสมองตายคารถจากัวร์ของตัวเอง ซึ่งขับมาจอดในอุทยานชานเมืองชิคาโก และกำลังสอบสวนว่าเหตุฆ่าตัวตายครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเครียดจากภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐตกต่ำเพราะวิกฤตซับไพรม์หรือไม่

ที่ญี่ปุ่น ฮอตไลน์สายด่วนให้คำปรึกษากับผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายของสมาคมอิโนจิ โน เดนวา

ประสบปัญหามีพนักงานรับสายไม่พอกับจำนวนสายที่โทร.เข้ามาล้นหลามในช่วงเสรษฐกิจตกต่ำ ที่ผ่านมามีโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาถึง 700,000 สายต่อปี แต่อาสาสมัครที่ช่วยรับฟังปัญหายังมีไม่พอ โดยมีอยู่แค่ 7,000 คน โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในโลก แต่ละปีชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายกว่า 30,000 คน