6 วันให้หลังศพสองผัวเมียในห้องน้ำก็โชยกลิ่นร้องขอความเป็นธรรม นำมาสู่การติดตามไล่ล่าตัวคนร้ายและช่วยเหลือน้องพลอย
พล.ต.ต.ชิษณุพงษ์ ยุกตะทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.บางบ่อ พร้อมชุดสืบสวนเร่งรัดหาตัวน้องพลอยโดยเร็วที่สุด โดยพุ่งเป้าไปที่คนใกล้ชิดเป็นหลัก เนื่องจากประตูบ้านปิดล็อกอย่างดี จึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนใกล้ตัวผู้ตายเท่านั้น
ชุดสืบสวนชุดหนึ่งมุ่งหน้าไปที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี สอบถามกับภรรยาที่หนึ่งของอรรถฐาพร ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น
สุดท้ายตำรวจจึงสอบถามถึงคนใกล้ชิดกับสามีที่มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ กระทั่งได้ชื่อมาเพียงว่า "นะ" ด้วยความพยายามของชุดสืบสวนที่เฟ้นหาชื่อจริงของ "นะ" ทำให้ทราบจากญาติผู้ตายคนหนึ่งว่า นะ มีชื่อจริงว่า "มานะ สินศิริ" เพิ่งกลับมาจาก จ.นครสวรรค์ เมื่อไม่กี่วันก่อนและเพิ่งโอนเงินที่ยืมไปมาให้ 7 หมื่นบาท จากการพูดคุยทราบว่าได้มาจากการนำทองไปขาย ชุดสืบสวนเริ่มเอะใจเกี่ยวกับตัวชายผู้นี้ ประวัติต่างๆ จึงถูกรวบรวมในเวลาต่อมา
ชุดสืบสวนนำภาพถ่ายของมานะไปให้เถ้าแก่ร้านทองยืนยันว่า เป็นคนที่นำกรอบพระทองคำมาขายเมื่อไม่กี่วันก่อนจริง
จึงเดินทางไปหาเมียของมานะและเริ่มวางแผนจับกุม กระทั่งได้ตัวที่บ้านพักแห่งหนึ่งในชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี แล้วความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรม หลบหนี และลักพาตัวน้องพลอยก็พรั่งพรูออกจากปากของมัจจุราชรายนี้ ...29 ธันวาคม 2551 เมื่อมานะตัดสินใจอุ้มน้องพลอยขึ้นรถมาด้วย เขาขับออกจากบ้านย่านบางบ่อมุ่งหน้าไป จ.ชลบุรี แวะเอาทองไปจำนำที่ร้านทองแห่งหนึ่งในตัวเมืองได้เงินมา 7 หมื่นบาท จากนั้นจึงโอนใช้หนี้ให้ญาติของอรรถฐาพร ระหว่างทางน้องพลอยเริ่มร้องไห้งอแงถามหาพ่อแม่ตลอดทาง แม้จะปลอบโยนอย่างไรก็ไม่เป็นผล ตรงกันข้ามกลับโยเยขึ้นเรื่อยๆ มานะเกรงจะสร้างปัญหาเลยตัดสินใจปล่อยทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.แสนภูดาษ จ.ฉะเชิงเทรา
จากนั้นมานะขับรถกระบะฟอร์ดไปที่ จ.นครสวรรค์ บ้านเกิดทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ เพียงเพื่อหาพยานยืนยันแหล่งที่อยู่
หากถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัย ก่อนจะทิ้งรถไว้ที่นครสวรรค์แล้วนั่งรถกลับมาบ้านที่ อ.พานทอง ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้านน้องพลอยที่โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบเธอเริ่มร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้น จนคนที่ผ่านไปมาแถวปั๊มน้ำมันเริ่มสงสัยจึงสอบถามหาพ่อกับแม่ของเธอ แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเมื่อไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เมืองไทยและคนไทยไม่เคยแล้งน้ำใจก็ปรากฏพลเมืองดีคนหนึ่งยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ด้วยการพาไปพักอาศัยอยู่ที่บ้าน 1 คืน
รุ่งเช้า 30 ธันวาคม 2551 พลเมืองดีรายนี้พาน้องพลอยไปที่ สภ.แสนภูดาษ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตำรวจฟัง
แต่เธอยังเด็กเกินกว่าจะประสีประสา ตำรวจจึงไม่ได้คำตอบอะไร ทำได้เพียงดูแลเธออยู่บนโรงพักตลอดทั้งวันและคืนนั้น พอเริ่มวันใหม่ตำรวจจึงพาน้องพลอยไปให้สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน จ.ฉะเชิงเทรา ดูแลเป็นการชั่วคราวอีก 1 คืน สุดท้ายการเดินทางของน้องพลอยเด็กหญิงตัวน้อยๆ ก็ไปสิ้นสุดอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน จ.ชลบุรี ที่ใหญ่และพร้อมกว่าเฝ้ารอว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะมีคนมาติดต่อขอรับตัวกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว...อีกครั้ง !?!
เมื่อชุดสืบสวน สภ.บางบ่อ ได้รับรู้ข้อมูลจากมานะจึงลงพื้นที่อีกครั้ง ภารกิจครั้งนี้คือการติดตามหาตัวน้องพลอยกลับคืนสู่ครอบครัว
เป็นการเดินทางตามรอยเท้าของน้องพลอยตั้งแต่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ไป สภ.แสนภูดาษ สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน จ.ฉะเชิงเทรา และไปจบลงที่สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน จ.ชลบุรี ที่ซึ่งน้องพลอยรอคอยอยู่ก่อนแล้ว วันนี้น้องพลอยกลับคืนสู่อ้อมอกของญาติที่ จ.เชียงราย พร้อมกับความจริงอันแสนโหดร้ายที่รอคอยอยู่บนเส้นทางเดินข้างหน้าว่า พ่อกับแม่ของเธอถูกฆ่าตายไปเสียแล้ว !!!