ผัวเดือด! เมียด่าไอ้ควาย สับหัวขาด

กำลังปฏิบัติหน้าที่บนโรงพัก ได้มีนายบุญเติม ก้อนคำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 บ้านน้ำไคร้ ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ และนายสาย เดชา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้พานายหลอม ชาวนา อายุ 43 ปี ลูกบ้าน อยู่บ้านเลขที่ 101/2 หมู่ 9 บ้านน้ำไคร้ ต.บ้านด่านนาขาม

เข้ามอบตัวพร้อมแจ้งว่านายหลอมได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟันนางวันนา ชาวนา อายุ 31 ปี ภรรยา เสียชีวิตคาบ้าน หลังรับแจ้ง พ.ต.ต.ดรุณ จึงนำกำลังชุดสืบสวนพร้อม น.พ.ณพล จิตรศรีศักดา แพทย์เวรโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ รุดไปสอบสวน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขึ้นไปตรวจสอบในห้องนอนพบมุ้งสีชมพูกางอยู่ เมื่อเปิดมุ้งออกถึงกับตะลึงพบภาพชวนสยดสยองของศพนางวันนาในสภาพถูกฟันนอนตะแคงเป็นผีหัวขาดบนที่นอน

ที่ศีรษะถูกฟันคอขาดหลุดจากบ่ากลิ้งตกอยู่ข้างศพ นอกจากนี้ ยังมีบาดแผลถูกฟันตามแขนและขาเป็นแผลฉกรรจ์รวม 6 แผล เลือดทะลักแดงฉานส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้ง

ตรวจสอบภายในบ้านพบทูตมรณะเป็นมีดดายหญ้ายาว 50 ซม. มีร่องรอยทำความสะอาดล้างคราบเลือดออกเก็บไว้ในบ้าน กับเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนคราบเลือดของนายหลอมถูกแช่ไว้ในกะละมังซักผ้าหน้าบ้าน จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

ก่อนหน้านี้ได้ทราบข่าวจากญาติทางบ้านว่านางวันนาได้ทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับชายอื่นที่มาติดพัน ทันทีที่ทราบข่าวภรรยาจึงรีบเดินทางกลับมาบ้านทันที ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้คาดคั้นภรรยาเรื่องที่มีชายมาติดพัน นางวันนาได้ บ่ายเบี่ยงปฏิเสธทำให้เกิดเป็นปากเสียงทะเลาะกันมาตลอด


จนกระทั่งช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะกันอีกและเข้านอนจนช่วงประมาณตี 2 ได้ตื่นขึ้นมาและมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ระหว่างนั้น ผู้ตายได้ด่าว่าตนเป็นควายโดนสวมเขาให้ยังไม่รู้เรื่อง

และยังลามปามด่าทอไปถึงบุพการีของตนอีกด้วย ทำให้บันดาลโทสะฉวยโอกาสเมียเข้านอนคว้ามีดดายหญ้ายาวประมาณ 50 ซม. เข้าไปตลบมุ้งกระหน่ำฟันร่างนางวันนาหลายครั้ง ร้องโอดโอยดิ้นพราดคาที่นอนก่อนฟันคอขาดกระเด็นดับอนาถคาที่นอน

หลังจากลงมือฆ่าภรรยาได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและนำเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดแช่น้ำไว้ในกะละมังซักผ้า พร้อมกับนำมีดอาวุธที่ใช้สังหารไปล้างคราบเลือดเก็บไว้ในบ้าน

จากนั้นได้สำนึกผิดในเรื่องที่ก่อขึ้นจึงขี่รถจักรยานยนต์มาแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทราบก่อนพาเข้ามอบตัวดังกล่าว หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหานายหลอมฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป.






แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ