น.ส.ฟ้า กล่าวว่า
บรรยากาศภายในร้านนอกจากตนแล้วยังมีลูกค้าอีกหลายคนเดินทางมาเค้าต์ดาวและเลี้ยงส่งให้ร้านแห่งนี้ด้วยอีกประมาณ 500 คน ซึ่งจังหวะก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนอีก 2 คนได้ยืนกินดื่ม และฟังเพลงบริเวณหน้าบาร์ภายในร้าน ที่อยู่ใกล้ประตูทางออกชั้นล่างของร้าน เพราะตอนนั้นลูกค้าในร้านเยอะมากทั้งชั้นล่างที่ตนอยู่ ชั้นลอย (ชั้น 2) และชั้นใต้ดิน ลูกค้าทุกคนต่างสนุกสนานกับงานดังกล่าว ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น
"ช่วงเวลาเกิดเหตุประมาณ เที่ยงคืนเกือบตี 1 ได้มีกลุ่มนักร้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีที่เรียกกันว่า โซนดนตรีสด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มีการจุดพรุขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำแอ็ฟเฟ็กเพื่อสร้างสีสันให้กับงาน ซึ่งตนเชื่อว่าสเก็ตพรุคงกระเด็นไปโดนกับเพดานของร้านเลยทำให้ไฟลุกไหม้ไปทั่วร้านอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นยังคิดว่าเป็นการทำแอ็ฟเฟ็กที่เหมือนจริงมาก แต่สักพักก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่าไฟไหม้
จังหวะนั้นทุกคนก็ต่างแตกตื่นวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่โชคดีที่หนูกับเพื่อนยืนอยู่ใกล้กับประตูทางออกจึงออกมาจากร้านได้เร็วกว่าคนอื่นและรอดชีวิตมาได้ แต่คนที่ติดอยู่ข้างในร้านต่างวิ่งแตกตื่นกันไปยังประตูทางออกซึ่งมีเพียง 2 ทางคืนด้านหน้าร้าน กับด้านข้างของร้านเท่านั้นซึ่งแคบมาก ที่สำคัญบริเวณประตูหน้าร้านยังมีบันไดขวางไว้ด้วยทำให้การลำเลียงคนออกมาจากข้างในไม่สะดวก"น.ส.ฟ้า กล่าว
เธอกล่าวอีกว่า
เมื่อตนกับเพื่อนออกมาจากร้านได้แล้วตนได้ส่งเพื่อนขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน แต่ตนนั้นได้ยืนรอดูเหตุการณ์อยู่ ก็เห็นว่าทุกคนต่างร้องขอความช่วยเหลือ และต่างแย่งกันวิ่งออกมายังหน้าร้าน ซึ่งก็มีหลายคนที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถรอดชีวิตในครั้งนี้ ซึ่งตนคิดว่าคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์น่าจะเป็นลูกค้าที่ขึ้นไปนั่งกินดื่ม กันที่ชั้นลอย (บนชั้น 2)ที่น่าจะลงมาข้างล่างไม่ได้ ชั้นใต้ดินที่ไม่มีช่องระบายอากาศ และกลุ่มที่อยู่ใกล้กับเวทีชั้นล่างที่เกิดเหตุไฟไหม้ เนื่องจากลูกค้าในร้านวันนั้นเยอะมากจึงไม่สามารถวิ่งเอาชีวิตรอดได้ ซึ่งลูกค้าพยายามวิ่งออกมาด้านนอก ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกค้าด้านนอกที่พึ่งเดินทางมาถึงและไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นก็ต่างพยายามเข้าไปข้างใน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนกันขึ้น
“ตอนที่ฟ้ากำลังเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านก็สังเกตเห็นว่ามีรกกระบะและรถตู้เปิดไซเลนส์จอดอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นรถกระบะธรรมดาที่ไม่ใช่รถของเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เข้ามาช่วยเหลือ และจังหวะนั้นฟ้าคิดว่ารถของมูลนิธิไม่น่ามาเร็วขนาดนั้นเพราะว่าฟ้าเห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่ตรงนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น และคิดว่าตอนที่เราแจ้งข่าวไปยังมูลนิธิรถของมูลนิธิไม่น่ามาถึงเร็วขนาดนี้ ซึ่งฟ้าคิดว่ารถคันดังกล่าวไม่น่าใช่รถของมูลนิธิเพื่อมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และจังหวะที่ฟ้านั่งรถกลับบ้านก็ไม่เห็นมีรถดับเพลิงของศูนย์พระราม 9 วิ่งออกไป มีเพียงรถดับเพลิงคันเล็ก 2 คันวิ่งไปเท่านั้น แต่สุดท้ายฟ้าก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิตกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย เพราะคงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับญาติพี่น้องของตนในวันต้อนรับปีใหม่หรอกค่ะ”ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าว