รวบแล้วมือปืนสังหารโหดเศรษฐินีเจ้าของห้างดังเกาะภูเก็ต ซึ่งถูกยิงตายเมื่อกลางปีที่ผ่านมา มือปืนเป็นอดีตทหารพราน 3 จว.ใต้ ถูกล็อกตัวได้ระหว่างไปกบดานที่จ.กระบี่ สารภาพรับงานมาแค่ 1.5 แสนบาท
เพราะโดนเพื่อนหลอกว่ามายิงคนธรรมดาไม่ได้มีชื่อเสียง แต่ภายหลังรู้ว่ามีการรับงานนี้ราคามากถึง 5 ล้านบาท ตร.เผยประสานกองปราบฯ ชุดทำคดีห้างทอง มาร่วมคลี่คลาย เนื่องจากพบหนึ่งในปมขัดแย้ง เป็นเรื่องภายในครอบครัว โดยเฉพาะปัญหามรดกหลายพันล้านบาท และหักผลประโยชน์ที่ดินหาดป่าตองกับผู้กว้างขวาง จนตามรวบมือปืนได้สำเร็จ เร่งขยายผลถึงขบวนการรับจ้างฆ่าและผู้บงการตัวจริง จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายยิงนางคมคาย โฆสิตคุณ อายุ 51 ปี เศรษฐินีภูเก็ต หนึ่งในผู้บริหารจินตนาพลาซ่า ถ.ทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ห้างชื่อดังเกาะภูเก็ตเสียชีวิตคารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ราฟโฟร์ สีแดง ทะเบียน ข 2222 นครศรีธรรมราช โดยมีนายอารยะ โฆสิตคุณ อายุ 53 ปีสามี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่ถ.พระภูเก็ตแก้ว อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุคาดว่าขัดผลประโยชน์กับบุคคลภายนอกและภายในครอบครัว เนื่องจากกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับมรดกหลายพันล้านบาท ตามที่เสนอไปแล้วนั้น
จับฆ่าเศรษฐินี เจ้าของห้างภูเก็ต มือปืนสารภาพสิ้น โยงมรดกพันล้าน
ความคืบหน้าเมื่อเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ธ.ค. พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผกก.6 บก.ป. ร่วมกับตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต
เข้าจับกุมนายอรุณ หรือถึก จันทร์มา อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 965/2551 ลงวันที่ 18 ธ.ค. ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้ที่ถนนริมหาดอ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ หลังพบว่าเป็นมือปืนที่ก่อเหตุสังหารนางคมคาย นายอรุณ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยก่อนหน้านี้เคยรับราชการเป็นทหารพรานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนมาทำงานเป็นหัวหน้าคุมงานก่อสร้างให้กับบริษัท กระบี่โลมา จำกัด รับเหมาก่อสร้างทำศาลาที่พักภายในอุทยานแห่งชาติเกาะไผ่ อ.อ่าวนาง จ.กระบี่ ต่อมาได้มีนาย ส. มาติดต่อให้ไปทำงานให้กับกำนันชื่อดังผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคใต้คนหนึ่ง โดยมีค่าจ้างเป็นเงิน 1.5 แสนบาท เมื่อตกลงรับงานก็มีทีมงานมารับตัวเดินทางเข้าพื้นที่ พร้อมจัดหาอาวุธปืนบาร์เร็ตต้า 9 ม.ม. ส่วนผู้ที่เข้ามารับหน้าที่คนขับรถจักรยานยนต์ทราบชื่อเพียงนายโย ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เมื่อเข้าพื้นที่แล้วก็ได้เดินทางไปดูลาดเลาถึง 3 ครั้งก่อนลงมือ วันก่อเหตุยิงผู้ตายไปถึง 12 นัด หลังก่อเหตุแล้วคืนอาวุธปืนให้กับเจ้าของ แล้วแยกย้ายกันหลบหนีก่อนที่จะถูกตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว
นอกจากนี้ ตำรวจเชิญนายอารยะ สามีนางคมคาย ซึ่งเป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ โดยถูกยิงได้รับบาดเจ็บมาชี้ตัวยืนยัน
ซึ่งนายอารยะก็สามารถยืนยันว่านายอรุณเป็นมือปืน จากนั้นเจ้าหน้าที่ส่งตัวให้กับตำรวจภูเก็ต คุมไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพในช่วงเย็นวันเดียวกัน โดยมีนายปรีชา จันทร์เรือง ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะ พุกบัวขาว ผกก.สภ.ทุ่งทอง พ.ต.อ.นพดล กันตะกนิษฐ์ ผกก.วท.เขต 44 จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.สมคิด บุญรัตน์ รองผกก.สส.สภ.ทุ่งทอง พ.ต.ท.ภาสกร สนธิกุล สวส.สภ.ช่วยราชการ ภ.จว.ภูเก็ต ฝ่ายสืบสวนภ.จว.ภูเก็ต และสภ.ทุ่งทอง จำนวนหนึ่ง ท่ามกลางประชาชนในจังหวัดภูเก็ตให้ความสนใจจำนวนมาก นายอรุณ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างให้มาฆ่า โดยถูกเพื่อนหลอกใช้ว่าคนที่จะให้มายิงเป็นเพียงบุคคลธรรมดาไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร และได้รับค่าจ้างมาเพียง 1.5 แสนบาท แต่ความจริงกลุ่มที่ว่าจ้างนั้นรับจ้างมาด้วยเงินถึง 5 ล้านบาท แต่แม้จะรู้เนื่องจากตนประสบปัญหาทางการเงินจึงรับงานดังกล่าว
ด้านพล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ระดมกำลังแกะรอยจากข้อมูลต่างๆ โดยมีการติดต่อประสานงานกับตำรวจกองปราบปรามชุดที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญ
เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีความคล้ายกับคดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ซึ่งมีความขัดแย้งในครอบครัว ซึ่งขณะนี้เตรียมออกหมายจับขบวนการรับจ้างฆ่าเพิ่มเติมแล้ว และจะพยายามสาวไปให้ถึงผู้บงการรายใหญ่ ส่วนสาเหตุของการสังหารครั้งนี้ ตำรวจตั้งไว้ 2 ประเด็นหลักๆ เรื่องแรกเป็นปัญหาภายในครอบครัว โดยก่อนหน้านี้นางคมคายกับญาติพี่น้องได้สิทธิ์ดูแลทรัพย์สินของนางจินตนา บุรินโกษฐ์ เจ้าของจินตนาพลาซ่า ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดภูเก็ต และเป็นเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ในหาดป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จำนวนมาก มีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท หลังจากนางจินตนาป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก ส่งผลอย่างรุนแรงต่อระบบประสาท ทำให้ไม่สามารถบริหารธุรกิจต่างๆ ได้ แต่ต่อมามีการฟ้องร้องระหว่างพี่น้องกันอีก เพราะนางคมคายต้องการเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินเพียงคนเดียว
อีกประเด็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินชายหาดป่าตองจำนวน 4 แปลง ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของกองมรดก
ซึ่งก่อนหน้าที่นางจินตนา จะล้มป่วยนั้นได้เซ็นมอบฉันทะให้คนกลุ่มหนึ่งมีทั้งผู้กว้างขวางใน จ.ภูเก็ต นักการเมืองท้องถิ่นหลายระดับ ไปเช่าทำธุรกิจ และหลังจากญาติพี่น้องเข้ามาดูแลมรดกพบปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการปลอมเปลงเอกสาร จึงฟ้องร้องบุคคลกลุ่มดังกล่าว กระทั่งมีการข่มขู่ และเกิดเหตุวางเพลิงเผาร้านค้าบนที่ดินดังกล่าวบ่อยครั้ง ทำให้นางคมคาย เข้าร้องทุกข์ให้ตำรวจมาช่วยคุ้มครอง ก่อนที่จะถูกมือปืนยิงเสียชีวิตในที่สุด รายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวนกองปราบปรามร่วมกับตำรวจท้องที่ นำคำให้การของนายอรุณมาตรวจสอบอีกครั้งว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวในขั้นตอนใดบ้าง ซึ่งก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าคดีจะมีหลักฐานไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้บงการหรือไม่ เพราะคดีนี้มีการทำเป็นขบวนการ โดยทราบว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 5 คน ตั้งแต่ผู้ติดต่อหามือปืน ผู้นำมือปืนเข้าพื้นที่ คนจัดหาปืน และจัดหาคนขับรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีคนมีสีในพื้นที่ เข้าไปมีส่วนเกี่ยว ข้องให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่พักให้กับทีมมือปืนด้วย ทำให้ทุกขั้นตอนนั้นจะมีตัวคัตเอาต์ เพื่อป้องกันไม่ให้คดีนี้มีการสอบสวนไปถึงตัวผู้บงการได้