อย.เตือนยาแก้ไข้หวัดปลอมระบาด แอบขายอ้างมีส่วนประกอบสูโดเอฟีดรีน-ไตรโพลิดีน สั่ง สสจ.-ร้านยาทั่วประเทศคุมเข้ม เร่งจับกุมผู้กระทำผิด ผู้ผลิต-ขายมีโทษปรับ-ติดคุก แฉเบื้องหลังผู้ร้ายกว้านซื้อยาจริง นำไปสกัดเอาสารสูโดเอฟีดรีนสารตั้งต้นยาบ้า ส่งผลพ่อค้าหัวใสผลิตยาแก้ไข้หวัดปลอมออกขาย
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาแก้หวัดปลอมให้แก่ร้านขายยาและสถานพยาบาลบางแห่ง ทั้งนี้ผู้เสนอขายจะแอบอ้างว่าได้ยามาจากผู้ผลิตโดยตรง ซึ่งยาดังกล่าวมีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบนสีขาว ที่สำคัญฉลากยาไม่ได้แสดงเลขทะเบียนตำรับยาไว้ แต่แสดงข้อความ “ใช้เฉพาะสถานพยาบาล” และแสดงสูตรส่วนประกอบยา 1 เม็ด ประกอบด้วย สูโดเอฟีดรีน (Pseudoephedrine) HCI 60 mg. และ ไตรโพลิดีน (Tripolidine) HCI 2.5 mg. ซึ่งภายหลังจากการตรวจสอบพบว่า ยาดังกล่าวไม่มีส่วนประกอบของตัวยาสำคัญทั้ง 2 รายการ ตามที่ระบุไว้บนฉลาก จึงจัดว่าเป็นยาปลอม โดยผู้บริโภคสามารถสังเกตลักษณะยาดังกล่าวที่ถูกต้องได้คือ ฉลากยาต้องแสดงเลขทะเบียนยา และไม่มีข้อความ “ใช้เฉพาะสถานพยาบาล”
“สาเหตุที่มีการจำหน่ายยาแก้หวัดปลอม โดยไม่มีตัวยาตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากสูโดเอฟีดรีน เป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่มีการกว้านซื้อจำนวนมาก เพื่อนำไปสกัดเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า จึงทำให้พ่อค้าหัวใสบางรายเห็นว่ายาแก้หวัดขายดี จึงผลิตยาแก้หวัดปลอมเลียนแบบของจริงออกมาจำหน่าย เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในตลาด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคควรซื้อยาแก้หวัดจากร้านขายยาที่มีเภสัชกรแนะนำเท่านั้น” เลขาธิการ อย. กล่าว
นพ.พิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ลักลอบซื้อขายยาที่มีส่วนประกอบของสูโดเอฟีดรีน ส่งออกไปยังออสเตรเลีย เพื่อใช้ในทางที่ผิด จนก่อให้เกิดปัญหาต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และยังส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคอีกด้วย โดยการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจากทางต่างประเทศมีการคุมเข้มในสูโดเอฟีดรีนและได้ตรวจสอบพบ จึงประสานมายังประเทศไทย ซึ่งหลายประเทศจะเข้มงวดมาก เช่น การซื้อจะต้องมีใบสั่งแพทย์ ดังนั้นหากส่งไปขายจะได้ราคาดีมาก
"อย.ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เพื่อให้เตือนร้านขายยาในเขตจังหวัด และกวดขันในการดำเนินการกับผู้ลักลอบผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายยาปลอมอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้อนุญาตขายยาในเขตกรุงเทพฯ สมาคมร้านยา ชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย เพื่อขอความร่วมมือให้ซื้อยาจากผู้ผลิตยา หรือผู้นำเข้า หรือผู้แทนจำหน่ายยา หรือร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น และต้องมีเอกสารการซื้อขายยา ประกอบเป็นหลักฐานทุกครั้ง" เลขาธิการ อย. กล่าว
นพ.พิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า อย.กำลังอยู่ในระหว่างการเร่งรัดสืบสวนและติดตามจับกุมผู้ลักลอบกระทำผิด เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยผู้ผลิตมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึงตลอดชีวิต ปรับตั้งแต่ 1- 5 หมื่นบาท และผู้ขายจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หากผู้บริโภคพบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่สายด่วน อย. โทร.1556 หรือที่ สสจ.