ช้าง"พลายทอง" วัย 6 ปี หิวจัด อาละวาดไล่ฟาดรถที่จอดรอขึ้นทางด่วนพังยับ 3 คัน รถทัวร์ถูกฟาด เขย่ากระจกแตก ตร.ฉีดน้ำ-ให้กล้วยกินจึงคลายตกมัน ขณะที่ควาญช้างกลับมาสภาพเมาแอ๋ ยอมรับผิดอ้างช้างคิดถึง ตร.ให้นำช้างกลับบ้านต่างจังหวัด หวั่นอาละวาดอีก
(18ธ.ค.) เวลา 03.15 น. ร.ต.อ.เรวัช ราชสักข์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.มักกะสัน
รับแจ้งว่ามีช้างตกมัน ไล่กระทืบรถยนต์ที่หน้าด่านทางขึ้นทางด่วน รามคำแหง ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนหน้าด่านเก็บเงิน พบรถนั่งส่วนบุคคล และรถกระบะ สภาพกระจกรถด้านข้างแตกพังเสียหาย 2 คัน โดยเจ้าของรถคันที่เสียหายไม่ติดใจเอาความ เนื่องจากต้องรีบเดินทางไปทำธุระ สำหรับช้างที่ตกมัน หลังจากเดินไปที่หน้าด่านเก็บเงิน ได้เดินย้อนกลับลงมาจากเส้นทางเดิม จากนั้นได้แสดงอาการอาละวาดใช้งวงฟาดกระจกกลมที่ใช้มองบริเวณด้านซ้ายแตกเสียหาย ซึ่งเป็นรถทัวร์ของบริษัทลิขิตทัวร์ ทะเบียน 30-3037 สิงห์บุรี ที่จอดอยู่ข้างทางได้รับความเสียหาย
ระหว่างที่ช้างดังกล่าวกำลังตกมันอาละวาด ตำรวจนำรถดับเพลิงมาฉีดที่ตัวช้าง เพื่อให้อยู่ในอาการสงบ
พร้อมนำกล้วยมาให้กิน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ช้างเชือกดังกล่าวจึงมีอาการสงบลง จากนั้นมีควาญช้าง คือ นายสุทิน สายยศ อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ ได้เข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุ ด้วยสภาพมึนเมา พร้อมกล่าวว่า ช้างดังกล่าวเป็นช้างเพศผู้ ชื่อพลายทอง อายุ 6 ปี ตนได้นำเข้ามาในกรุงเทพฯ ได้เกือบ 1 อาทิตย์แล้ว ทุกวันจะนำไปผูกไว้กับต้นไม้บริเวณด้านหน้าทางด่วนด้านซ้าย ส่วนตนสร้างเต็นท์พักอยู่อีกฝั่งถนน
นายสุทินกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางไปหาลุงย่านรังสิตแต่เช้า จากนั้นได้ดื่มสุรา ประกอบกับการจราจรติดขัด ทำให้เดินทางกลับมาที่พักล่าช้า
เหตุดังกล่าวคาดว่าพลายทองเกิดความคิดถึงตนที่เดินทางกลับมาช้า จึงแสดงอาการอาละวาดดังกล่าว ยอมรับว่าผิดเองที่ทิ้งไว้ พลายทองคงจะคิดถึงจึงแสดงอาการดังกล่าว นายประวิทย์ ผูกพัน อายุ 53 ปี คนขับรถทัวร์คันเกิดเหตุ กล่าวว่า อาจารย์รามคำแหงจ้างให้ขับรถส่งอาจารย์มหาวิทยาลัย เพื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมืองทองธานี ช่วงเวลา 06.00 น. ของทุกวัน จึงนำรถมาจอดนอนพักบริเวณดังกล่าว ขณะที่นอนหลับได้ตกใจตื่น เพราะสภาพรถโยกส่ายไปมา เมื่อตื่นขึ้นมาจึงรู้ว่าช้างกำลังเขย่ารถทัวร์อยู่ ทำให้ได้รับความเสียหายดังกล่าว
ขณะที่ ร.ต.อ.เรวัชกล่าวว่า คาดว่าช้างอยู่ในอาการหิว เนื่องจากควาญช้างไปหาญาติตั้งแต่เช้า ทำให้เกิดความโมโหแสดงอาการอาละวาดดังกล่าว
ซึ่งจะต้องนำควาญช้างไปสอบสวนอีกครั้ง พร้อมสั่งให้นำช้างออกจากพื้นที่ดังกล่าวภายในเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ธันวาคม ถ้าไม่นำออกไปจะต้องให้สัตวแพทย์นำตัวออกจากพื้นที่ เนื่องจากกลัวว่าจะอาละวาดอีกครั้ง ทำให้การจราจรติดขัด และทำให้ผู้ที่พักอาศัยและสัญจรไปมาเกิดความเดือดร้อนได้