เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. นายบุญลือ พูนนิล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
พร้อมด้วย ร.ท.มาโนช โรจน์บุรานนท์ ร.11.พัน 3.รอ. น.สพ.สาโรช จันทร์ลาด หน.ฝ่ายควบคุมโรค สำนัก งานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบพื้นที่โครง การอันเนื่องมาจากพระราชดำริป่ากุยบุรี หลังรับแจ้งว่า พบช้างป่าเสียชีวิตอยู่ภายในป่าละเมาะกลางป่ากุยบุรี หลังสำนักงานโครงการฯ 1 กิโลเมตร
นายบุญลือเปิดเผยว่า ช้างป่าที่เสียชีวิตเป็นช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 20 ปี นอนตะแคงเสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้น
ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย มีเพียงบาดแผลที่พบบริเวณงวงด้านซ้าย เป็นแผลกว้างประมาณ 7 คูณ 8 เซนติเมตร ต้องรอสัตวแพทย์ตรวจสอบอย่างละเอียดว่า เสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ส่วนจะใช่ช้างงวงรั่วที่เคยเป็นข่าวเมื่อ 2-3 ปี ก่อนหรือไม่นั้น ทางอุทยานจะต้องนำภาพถ่ายมาเปรียบเทียบกันก่อน เบื้องต้นรายงานให้ผู้ว่าราชการการจังหวัดและกรมอุทยานฯ ทราบแล้ว จากนั้นจะขุดหลุมฝังบริเวณที่พบช้างป่านอนเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านน.สพ.สาโรช จันทร์ลาด กล่าวว่า ช้างป่าเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 48 ชั่วโมง หรือมากกว่า 2 วัน
ศพขึ้นอืด มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ไม่สามารถผ่าพิสูจน์เพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจหาเชื้อโรคได้ เพราะขณะนี้เชื้อโรคจำนวนมากแพร่เต็มซากช้างแล้ว คงต้องตรวจสอบจากบาดแผลตามซากช้างเพื่อหาสาเหตุต่อไป ส่วนบาดแผลที่งวงช้างนั้น มีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยปกติแล้วไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ช้างตายได้ อาจมีสาเหตุอื่นร่วมอยู่ด้วย
สำหรับช้างป่างวงรั่วนั้นพบเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพช้างที่ได้รับบาดเจ็บที่งวงช้าง ทำให้เวลาดูดน้ำเกิดรั่วไหลออกมานั้น เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันออกสำรวจและค้นหาช้างงวงรั่วนานกว่า 1 เดือน จนพบว่าช้างงวงรั่วตัวดังกล่าวมีอาการดีขึ้น บาดแผลตื้นขึ้น น้ำที่ไหลออกจากงวงน้อยลง และสามารถหากินได้ตามปกติ จนกระทั่งล่าสุดพบมีช้างเสียชีวิต แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าใช้ช้างงวงรั่วตัวเดียวกันหรือไม่