ฆ่าสาวทิ้งคลอง ศพโผล่ประจาน

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 2 ก.ค. พ.ต.ท.วีระ ทิพย์พาหน สารวัตรเวร สภ.อ.บางกรวย จ.นนทบุรี รับแจ้งพบศพคนถูกฆ่าลอยอยู่ในคลองบางกอกน้อย บริเวณอู่ซ่อมเรือ ท้องที่หมู่ 1 ต.บางขุนกรอง จึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์ศิลป์ อินทรสินธ์ ผกก. พ.ต.ท.ธรรมนูญ เชาวะนิชย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ปณิธาน บุรถาวร รอง ผกก.สส. น.พ.กอเทพ เทพสิทธา แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 20 ปี นอนคว่ำหน้าลอยขึ้นอืดอยู่ในน้ำริมคลอง หน่วยกู้ภัยนำศพขึ้นมาชันสูตร สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำลายดอกขาว มือทั้งสองข้างถูกจับมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าและเข็มขัดหนัง หน้าอกด้านซ้ายสักรูปหัวใจคู่ ต้นคอด้านหลังสักยันต์เก้ายอด เล็บมือเล็บเท้าทาสีเขียวอ่อน ตามร่างกายไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง ค้นในตัวไม่พบหลักฐานเป็นใครมาจากไหน ในชั้นนี้ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าศพถูกข่มขืนหรือไม่ จึงนำศพส่งตรวจและผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง

สอบสวนชาวบ้านละแวกใกล้เคียงทราบว่า ตอนประมาณสองทุ่มวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือคล้ายถูกทำร้ายที่บริเวณสะพานข้ามคลองบางกอกน้อย ห่างจากจุดพบศพประมาณ 300 เมตร แต่ไม่มีใครสนใจ กระทั่งมาพบศพหญิงสาวถูกฆ่าตายดังกล่าว หลังทราบเรื่องตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบบริเวณสะพานข้ามคลองบางกอกน้อย พบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า แบบชาย สีน้ำเงิน ทะเบียน 6 ฝ-6032 กรุงเทพมหานคร จอดทิ้งอยู่ใต้สะพานซึ่งเป็นทางกลับรถ ข้างถังน้ำมันติดสติกเกอร์มีข้อความคำว่า วินตลาดพระราม 5 สอบถามชาวบ้านไม่มีใครรู้ว่าเป็นรถของผู้ใด จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

ตำรวจประมวลจากพยานหลักฐานลงความเห็นว่า ผู้ตายอาจขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปธุระผ่านบริเวณสะพานข้ามคลองบางกอกน้อยแล้วถูกคนร้ายดักฉุดจับมัดมือหมายขืนใจ แต่ผู้ตายขัดขืนเลยถูกจับทิ้งคลองและเหยื่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จมน้ำตายอนาถ กระทั่งศพโผล่ขึ้นอืดเรียกร้องความเป็นธรรม อีกประเด็นคนร้ายอาจลวงผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาตกลงปัญหาบางอย่าง เนื่องจากเหยื่ออำมหิตมีลักษณะคล้ายกับหญิงวัยรุ่นที่ชอบเที่ยว พอพูดคุยกันไม่รู้เรื่องเลยถูกจับมัดมือทิ้งคลอง เบื้องต้นมุ่งปมชู้สาวกับขัดแย้งส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งตำรวจจะได้สืบเบาะแสประวัติความเป็นมาของผู้ตายเพื่อคลี่ปมเบื้องหลังต่อไป.

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ