ระทึกศาลากลางจังหวัดอุบลฯ หนุ่มใหญ่อดีตลูกจ้างอบต. ชักมีดจี้คอตัวเอง ขู่จะเชือดประท้วง ทางรองผู้ว่าฯ กับนายอำเภอเข้าเกลี้ยกล่อม จึงยอมเปิดปากเล่าเรื่องคับข้องใจ
เหตุมาตามเรื่องที่ร้องเรียนนายกอบต.ทุจริต ยื่นมาตั้งแต่เดือนต.ค.2550 แต่ไม่คืบหน้า แถมเจ้าหน้าที่ไม่สนใจอีก เลยถามหาห้องผู้ว่าฯ ก็ไม่มีใครยอมบอก เลยฟิวส์ขาดชักมีดจี้คอ ด้านรองผู้ว่าฯ รับปากจะสอบให้เสร็จในวันที่ 8 ธ.ค. จึงยอมวางมีด ประกาศหากไม่คืบอีก จะมาเชือดคอตายแน่นอน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ขณะที่หัวหน้าส่วนราชการ กำลังรอประชุมเรื่องวันสิ่งแวดล้อมโลก ที่ห้องประชุมมิตรไมตรี 1 ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ถนนอุปราช ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
ปรากฏว่า มีผู้ชายวัยกลางคนใช้มีดปลายแหลมปอกผลไม้ ยาวประมาณ 1 ฟุต จี้คอตัวเองอยู่หน้าห้อง พร้อมทั้งส่งเสียงเอะอะโวยวายไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด ที่ไม่ยอมบอกที่ตั้งห้องทำงานของนายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.อุบลราชธานี ท่ามกลางความตกใจของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ภายในศาลากลางจังหวัด ต่อมา นายธรธรรม์ ชินโกมุท นายอำเภอสิรินธร และนายสมพงษ์ ฎารานุท หัวหน้าสำนักงานท้องถิ่นจังหวัด ที่รอประชุมอยู่ พยายามเข้าไปเจรจาให้ชายคนดังกล่าววางมีด และทราบชื่อต่อมาในภายหลังว่า นายเสงี่ยม แสงแดง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 6 ต.หนองทันน้ำ อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี แต่ขณะที่นายธรธรรม์ และนายสมพงษ์ จะเข้าเจรจา นายเสงี่ยมไม่ยอมให้เข้ามาใกล้ พร้อมทั้งขู่หากเข้ามาจะใช้มีดเชือดคอตายกลางศาลากลางจังหวัด นายธรธรรม์จึงพยายามชวนพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ โดยบอกว่าปัญหามีทางแก้ไขได้อย่างแน่นอน
จากนั้น นายสุรพล สายพันธุ์ รองผวจ.อุบลราชธานี เข้ามาช่วยพูดคุยเจรจาร่วมด้วย โดยสอบถามถึงปัญหาที่คับข้องใจ
พร้อมทั้งให้ น.ส.ชนากานต์ พิลารักษ์ ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น จ.อุบลราชธานี ที่อยู่ในเหตุการณ์ร่วมเป็นสักขีพยานในการพูดคุย ทำให้นายเสงี่ยมมีท่าทีอ่อนลง และยอมเล่าปัญหาว่า ก่อนหน้านี้เดินทางมาถามผลการสอบสวนการทุจริตของนายกอบต. ที่ตนและชาวบ้านร้องเรียนไว้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.2550 รวม 4 เรื่อง คือ การสอบจ้างพนักงานลูกจ้างชั่วคราวที่เปิดสอบ 2 ตำแหน่ง แต่มีการนำชื่อคนที่ไม่ได้เข้าสอบมาขึ้นบัญชีไว้ พฤติกรรมดังกล่าวส่อไปทางทุจริตต่อหน้าที่
ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นเรื่องที่ อบต.ตั้งงบประมาณใช้สนับสนุนการจัดงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาแก่วัดใน อ.กุดข้าวปุ้น จำนวน 9 วัด เป็นเงิน 15,000 บาท
ต่อมามีการเบิกจ่ายไปใช้แล้ว แต่วัดทั้ง 9 ไม่ได้รับเงิน เรื่องต่อมาเป็นการใช้งบฯสร้างห้องเก็บวัสดุอุปกรณ์ภายใน อบต. แต่ไม่มีการก่อสร้างเกิดขึ้นจริง และเรื่องสุดท้าย คือเรื่องการสร้างโรงจอดรถภายในสำนักงาน อบต. ตามสเป๊กต้องใช้เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก ปูหลังคาด้วยกระเบื้องลอนคู่ แต่กลับใช้เสาเหล็กและใช้สังกะสีมุ่งหลังคาแทน
นายเสงี่ยมกล่าวต่อว่า การร้องเรียนครั้งนั้น สำนักงานท้องถิ่นจังหวัดรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน พร้อมทั้งรับปากจะดำเนินการสอบสวนตามคำร้องเรียนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ต.ค.2550 แต่ไม่มีความคืบหน้า
จึงเดินทางมาทวงถามหาเรื่องการสอบสวนหลายครั้ง กระทั่งมาวันนี้ได้มาถามอีก โดยตั้งใจว่าหากไม่ได้รับความสนใจ จะใช้มีดเชือดคอตัวเอง จึงแวะซื้อมีดปอกผลไม้พกติดตัวมาด้วย เมื่อเข้ามาสอบถามกับเจ้าหน้าที่สำนักงานท้องถิ่น ก็ไม่ให้ความสนใจ จึงถามหาห้องทำงานของนายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.อุบลราชธานี เพื่อร้องเรียน แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนยอมบอก ตัดสินใจล้วงเอามีดมาจี้คอตัวเองเป็นการประท้วง
"ผมเคยเป็นลูกจ้างชั่วคราว อบต. ในตำแหน่งนักการมาก่อน แต่ถูกเลิกจ้างเมื่อ 2 ปีก่อน โดยไม่มีการประเมินผลงานที่ผ่านมา จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมมาตลอด แต่ก็ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความสมใจ กระทั่งทราบเรื่องการบริหารงานอันไม่เหมาะสมเกิดขึ้นใน อบต.หลายเรื่อง จึงร่วมกับชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนไปทางอำเภอ ปรากฏว่าก็ไม่ได้ผล สุดท้ายร้องเข้าสู่จังหวัดเรื่องก็เงียบหายอีก จึงรู้สึกเครียดที่ไม่ใครให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้น" อดีตลูกจ้างชั่วคราวอบต.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายเสงี่ยมได้พูดคุยระบายความในใจกับนายสุรพลแล้ว ทางนายสุรพลรับปากว่า จะสอบสวนเรื่องที่นายเสงี่ยมร้องเรียนให้ทราบผลภายในวันที่ 8 ธ.ค.นี้
ทำให้นายเสงี่ยมมีท่าทีเย็นลง และยอมมอบมีดที่จี้คอให้เจ้าหน้าที่นำไปเก็บไว้ แต่ยังพูดฝากไว้ว่า หากวันที่ 8 ธ.ค.ยังไม่มีความคืบหน้าอีก คนในศาลากลางจะได้เห็นเชือดคอตัวเองแน่นอน สำหรับเหตุการณ์ชุลมุน และกว่าเจ้าหน้าที่จะเจรจาสำเร็จใช้เวลาประมาณ 30 นาที เหตุการณ์จึงคลี่คลาย