ศาลพิพากษาลงโทษแก๊งเด็กแว้น จำคุกคนละ 18 ปี หลังก่อคดีรุมโทรมนักศึกษาสาว ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันที่ 7 พ.ย.
ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา สำนักงานคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายสุรศักดิ์ วงษ์ประดิษฐ์ อายุ 32 ปี นายสุทิน อยู่เกิด อายุ 25 ปี นายนำชัย ซอ อายุ 24 ปี และนายเอกพล วงษ์ประดิษฐ์ อายุ 21 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและใช้กำลังประทุษร้าย ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 47 บรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 47 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้ง 4 ร่วมกับ ด.ช.เอ ซึ่งแยกฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัว กับพวกที่ยังหลบหนีอีก 5 คน
ร่วมกันพา น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปข่มขืนในลักษณะโทรมหญิง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีพลเมืองดีแจ้งว่า มีกลุ่มนักขี่จักรยานยนต์กวนเมืองหรือเด็กแว้น นำตัวหญิงสาว 1 คน ไปข่มขืนในบ้านร้างสุดซอยตัน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก นำโดย ร.ต.ต.สุธรรม ด.ต.วิเชียร และ ด.ต.สมาน จึงนำกำลังเข้าสกัดจับกุม
ที่เกิดเหตุเป็นซอยตันมีหญ้าขึ้นรกทึบอยู่ในซอยแยกรามคำแหง 32 แขวงวังทองหลาง เขตบางกะปิ กทม. รถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปได้
ต้องเดินเท้าไปอีก 150 เมตร ระหว่างทางพบจำเลยที่ 4 กับ ด.ช.เอขี่จักรยานยนต์สวนออกมา ต่อมาพบจำเลยที่ 3 กับชายไม่สวมเสื้อซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ขี่หนีไปได้เช่นกัน จากนั้นพบจำเลยที่ 2 วิ่งออกมาในชุดแต่งกายไม่เรียบร้อย จึงจับกุมไว้ แล้วขึ้นไปบนบ้านร้าง พบจำเลยที่ 1 กำลังข่มขืนผู้เสียหายอยู่ โดยผู้เสียหายหมดสติ บริเวณท่อนล่างเปลือยเปล่า จึงคุมตัวจำเลยที่ 1 และ 2 ไปสอบสวนที่ สน. หัวหมาก และตามไปจับกุมพวกจำเลยที่เหลือได้ที่วินจักรยานยนต์รับจ้าง ซอยรามคำแหง 24
ในทางพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่า ในคืนเกิดเหตุกำลังเดินทางกลับบ้าน ได้ว่าจ้างนายอาร์ต ไม่ทราบนามสกุล
อยู่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างปากซอยรามคำแหง 24 ไปส่งที่ซอยศิริถาวร แต่นายอาร์ตกลับขี่รถเลยไป ซอยรามคำแหง 32 โดยมีกลุ่มเพื่อนและเด็กวัยรุ่นขี่รถตามประกบอีก 6 คัน จนไปถึงที่เกิดเหตุพวกจำเลยได้ใช้กำลังจับตัวผู้เสียหายกดลงกับพื้น แล้วให้นายอาร์ตลงมือข่มขืนเป็นคนแรก จนกระทั่งถึงจำเลยที่ 1 เป็นคนข่มขืนคนสุดท้าย รวม 10 คน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาช่วยภายหลัง
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธในทำนองเดียวกันว่า ร่วมกับพวกจับกลุ่มกันไปพิสูจน์ผีสิงในบ้านร้าง แต่ขากลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมโดยไม่ได้ก่อเหตุหรือเกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ร้างมีแสงไฟจากดวงจันทร์จากด้านบน ทำให้ผู้เสียหายจดจำใบหน้าจำเลยทั้ง 4 ซึ่งอยู่ในระยะใกล้ได้แม่นยำ ซ้ำยังจำ ด.ช.เอได้ แม้ ด.ช.เอไม่ได้ข่มขืนแต่เป็นคนลวนลาม แสดงว่าผู้เสียหายมีสติและจดจำคนร้ายได้จริง อีกทั้งพยานที่เป็นตำรวจชุดจับกุม ก็เข้าจับกุมจำเลยในทันทีและจำใบหน้าจำเลยที่หลบหนีได้ทุกคน ส่วนคำให้การของจำเลยเห็นว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านในซอยตันที่เปลี่ยว ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย จึงไม่สมควรที่สุจริตชนจะเข้าไปในเวลา 03.00 น. คำให้การของพวกจำเลยที่ว่าเข้าไปดูผีนั้นฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องพิพากษาลงโทษจำคุกคนละ 18 ปี