"เสี่ยโกลบอลเฮ้าส์" บอกไม่เป็นไรมีประกัน หลังไหม้มาราธอนกว่า 20 ชั่วโมง เหลือแต่ซาก ตร.ไม่กล้าเก็บหลักฐาน หวั่นอาคารถล่ม
ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ศูนย์การค้าวัสดุก่อสร้างครบวงจร "โกลบอลเฮ้าส์" สาขาเวียงกุมกาม อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโมเดิร์นเทรดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างพื้นที่กว่า 2.5 หมื่นตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้รถดับเพลิงกว่า 20 คัน ระดมฉีดน้ำตั้งแต่เวลา 10.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน ต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันที่ 7 พฤศจิกายน เพลิงจึงสงบ รวมใช้เวลาในการระงับเหตุครั้งนี้กว่า 20 ชั่วโมง ทั้งนี้ จังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอันตราย เนื่องจากเกรงว่าซากตึกที่ถูกเพลิงไหม้อาจพังทลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าพนักงานโกลบอลเฮ้าส์มาทำงานประมาณ 80 คน ส่วนใหญ่สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นควันและกลิ่นฉุน ที่หน้าลานจอดรถหน้าอาคารที่ถูกเพลิงไหม้ พนักงานบางส่วนช่วยกันทำความสะอาดสินค้าที่สามารถขนย้ายออกมาได้จำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งนำโต๊ะวางโทรศัพท์หลายเครื่องสำหรับติดต่อการค้ากับบริษัทผู้ผลิต หรือซัพพลายเออร์
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) นายเทพกุล พูลลาภ รองประธาน ฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเทพ เดชรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ (ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่) ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกัน
นายวิทูรกล่าวถึงมูลค่าความเสียหายว่า ยังไม่ขอสรุป รอทีมประเมินของบริษัทประกันภัยสำรวจก่อน แต่เท่าที่ทราบสินค้าและทรัพย์สินที่เหลือรอดจากเพลิงไหม้ไม่ถึง 1% ซึ่งโกลบอลเฮ้าส์ทำประกันตามมูลค่าในทุกสาขาแยกส่วนกันอยู่แล้ว คาดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ บริษัทยืนยันจะไม่มีการปลดพนักงาน ด้านการฟื้นฟูกิจการคาดว่าจะใช้เวลาอีก 6-8 เดือน
พล.ต.ต.สุเทพกล่าวว่า ในการติดตามสืบสวนคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างเรียกผู้ที่เกี่ยวเข้าให้ปากคำ ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดคงต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่วิทยาการ ที่จะรายงานผลเข้ามาประกอบ เพื่อเรียกประชุมพนักงานสอบสวนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามาประชุมหารือกัน คาดว่าจะทราบผลต้นสัปดาห์หน้า
ส่วนการตรวจพิสูจน์หลักฐาน พ.ต.ท.นพคุณ กีรติการกุล สารวัตรวิทยาการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบซากอาคารของโกลบอลเฮ้าส์ได้ เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบโครงสร้างก่อนว่าปลอดภัยหรือไม่ เพราะมีแนวโน้มว่าอาจพังถล่มลงมาได้ พร้อมทั้งประสานไปยังวิทยาการภาค 3 จ.ลำปาง ให้เข้าร่วมตรวจสอบ