รวบคนขับรถตัวแสบฉกเงินเสี่ย เอเย่นต์สลากกินแบ่ง3.6ล้านบ.

จับคนขับรถเสี่ยเอเย่นต์สลากกินแบ่งรัฐบาลเชิดเงิน 3.6 ล้านบาท หลังหนีกบดานพัทยาได้ 6 วัน

เจ้าตัวเผยทำงานแค่ 2 ปี เจ้านายไว้ใจให้ไปรับเงินร่วมสิบล้าน-ไม่คิดอยากได้ อ้างต้องทำเพราะครอบครัวลำบาก เผย รู้หนีไม่รอด จึงลงทุนซื้อรถ-ทองคำหนัก 70 บาทให้ญาติ แต่ถูกจับเสียก่อน
(6พ.ย.) เวลา 01.00 น. ร.ต.อ.ประกอบ เย็นหลักร้อย พนักงานสอบสวน (สบ.1 ) สน.ชนะสงคราม รับแจ้งพ.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผกก.1ป. ได้คุมตัวนายสุทัต เดชวิลัย อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212/1 ม. 2 ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง มาส่งพร้อมของกลางทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ รวมน้ำหนัก 70 บาท,ตู้เย็น,รถยนต์ 2 คัน,จักรยานยนต์ 1 คัน และเงินสด 1.3 ล้านบาท,โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง เบื้องต้นถูกแจ้ง 2ข้อหา ลักทรัพย์นายจ้าง หรือรับของโจร และยักยอกทรัพย์


สำหรับเหตุการณ์จับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นายกฤตพงศ์ ปานผา อายุ 49 ปี

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ภูมิปัญญา โปรดักชั่น จำกัดและเป็นเอเย่นต์จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลของกองสลากฯได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วิวัฒน์ เพชรี ร้อยเวรสน.โคกคราม ว่าถูกนายสุทัต คนขับรถ ขโมยรถยนต์ โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว เลขทะเบียน ฌจ 462 กทม. หายไป ระหว่างที่ใช้ให้นายสุทัตนำสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 พ.ย.2551 ไปส่งตัวแทนจำหน่ายรายย่อย และเก็บเงินค่าสลากเป็นเงิน 3.6 ล้านบาท ย่านราชดำเนิน แต่ระหว่างรอเก็บเงินนายกฤตพงศ์ ได้ขอแยกตัวไปประชุมหุ้นส่วนที่การเคหะแห่งชาติ ย่านบางกะปิ จึงปล่อยให้นายสุทัตรอเก็บเงินอยู่ตามลำพัง



ภายหลังการประชุมเสร็จ นายกฤตพงศ์ได้โทรศัพท์ตามนายสุทัต แต่นายสุทัตอ้างว่าอยู่ระหว่างเดินทางอยู่บนถนนพระราม 9 นายกฤตพงศ์รอจนกระทั่งเย็น และไม่สามารถติดต่อได้

หลังเกิดเหตุเข้าใจว่านายสุทัตอาจถูกคนร้ายชิงตัวพร้อมกับเงินดังกล่าวไป จึงโทรศัพท์แจ้งรายการวิทยุให้ประสานช่วยติดตาม แต่ได้ข้อมูลเบาะแสว่า นายสุทัตได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งที่ทางเข้าหมู่บ้านบริเวณซ.เสือใหญ่อุทิศ นายกฤตพงศ์ จึงได้เดินทางไปตามหาตัวนายสุทัต แต่พบว่าย้ายหนีออกจากบ้านเช่าไปแล้ว จึงได้เข้าแจ้งความ พร้อมกับประสานไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยติดตามตัว


ขณะที่ พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายสุทัตได้หลบหนีไปอยู่กับญาติที่จังหวัดชลบุรี จึงได้ออกติดตาม

แต่นายสุทัตก็ไหวตัวหลบหนีไปเช่าบ้านอยู่ย่านพัทยา โดยนายสุทัตจะเปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือทุกวัน เพื่อป้องกันการติดตามจากตำรวจ แต่ก็สามารถจับตัวนายสุทัต ขณะอาบน้ำได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ อยู่ย่านถ.ลับแล พัทยาเหนือ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี "ตำรวจตามตัวตั้งแต่นายสุทัตนำรถผู้เสียหายไปตระเวนซื้อของใช้เข้าบ้าน ทั้งรถยนต์ เครื่องเสียง ตู้เย็น ตำรวจตามแกะรอยจนถึงห้องเช่า ก่อนที่จะเข้าจับกุม" พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าว


ด้าน นายสุทัต รับสารภาพด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า ทำงานกับนายกฤติพงศ์ มา 2 ปี เคยถูกใช้ให้ไปรับเงินจำนวนนับสิบล้าน แต่ไม่คิดอยากได้

จนกระทั่งมาครั้งนี้เห็นว่าเป็นจำนวนเงินไม่กี่ล้าน ถ้าตนเอาไปเจ้านายคงไม่เดือดร้อน ประกอบกับครอบครัวขัดสน ตนคาดว่าเงินส่วนนี้จะสามารถนำไปช่วยเหลือครอบครัวและญาติได้ ต้องการให้ครอบครัวสบายเพราะญาติพี่น้องลำบาก
นายสุทัต เล่าว่า วันเกิดเหตุนำสลากไปส่งพร้อมรับเงินจากลูกค้า เมื่อรับเงินเสร็จแล้วได้หนีไปเช่าห้องพักที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ก่อนที่จะนำเงินสดไปซื้อรถกระบะ โตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู ที่จ.อยุธยา จากนั้นพาผู้หญิงมาหลับนอนที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ หลังจากนั้นได้หลบหนีไปหาญาติที่บางละมุง จ.ชลบุรี โดยซื้อทองรูปพรรณและทองคำแท่ง 30 บาท,โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง พร้อมกับรถยนต์ มิตซูบิชิ ซีเดีย 1 คัน ,รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า 1 คัน มาใช้ เงินที่เหลือได้ใช้เที่ยวเตร่หาความสุขย่านพัทยา


"ระหว่างที่หลบหนี ในใจก็คิดว่าจะถูกตำรวจจับได้ จึงคิดซื้อทั้งทองรูปพรรณ และทองคำแท่ง เพื่อทิ้งไว้ให้ครอบครัวได้ใช้ตอนที่ผมถูกจับติดคุก เพราะเชื่อว่าต้องถูกจับแน่ จนกระทั่งเงินสดเหลือเพียง 1.3 ล้านบาท ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว หลังถูกจับกุมได้เจอกับเจ้านายแล้ว โดยเจ้านายรับปากว่าจะช่วยเหลือจากโทษหนักเป็นเบา ผมผิดเอง ผิดไปแล้ว แต่ไม่อยากให้ครอบครัวเสียหาย เพราะผมทำเอง คิดแต่เพียงว่าเงินเพียงเล็กน้อย เจ้านายคงไม่เดือดร้อน" นายสุทัต รับสารภาพ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์