สมภารมั่วกามเผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆ

เดลินิวส์

กรณีชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ในเขตอำเภอเมือง จ.พัทลุง ได้เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นาย คุณัฐพงษ์ ทหารไทย ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง เพื่อให้ช่วยกันกำจัดมารศาสนาในคราบผ้าเหลือง พร้อมทั้งนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายมาแสดง กรณีที่เจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมสมสู่กับสุนัข และร่วมเพศกับสีกาที่เป็นเด็กหญิงในกุฏิ ประมาณ 60 ภาพ ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่ชาวบ้านแอบถ่ายมาได้ เนื่องจากทนเห็นพฤติกรรมวิตถารไม่ไหว จนล่าสุดพระธรรมวรมุณี เจ้าคณะจังหวัดพัทลุง ได้มอบหมายให้ พระครูวินัยธร เลขาเจ้าคณะจังหวัด และเป็นประธานฝ่ายปกครองสงฆ์ รับเรื่องไปดำเนินการ พร้อมรวบรวมหลักฐานทั้งหมดและทำบันทึกเสนอเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดดำเนินการพิจารณาให้เร็วที่สุด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. พระครูวิจิตรธรรมวิภัช รองเจ้าคณะอำเภอเมืองพัทลุง ฝ่ายปกครองสงฆ์ พร้อมด้วยนายคุณัฐพงษ์ ทหารไทย ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง เดินทางไปพบชาวบ้านที่วัดดังกล่าว โดยมีประชาชนในเขตวัดจำนวนหนึ่งมานั่งรอเจ้าอาวาสกลับวัด หลังจากที่ได้หายตัวออกจากวัดไปตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถติดต่อได้ ประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับรู้ว่าข่าวที่สื่อนำเสนอออกไป จะจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน

ด้านพระครูวิจิตรธรรมวิภัช ชี้แจงกับชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับข้อมูลและภาพถ่ายจากชาวบ้านนำไปมอบให้ทางคณะกรรมการสงฆ์จังหวัดพัทลุง ก็ได้ส่งตัวแทนเข้ามาเก็บหลักฐานที่กุฏิเจ้าอาวาสบางส่วน และได้ดูภาพถ่ายทั้งหมดแล้ว จึงสั่งการให้พระครูรูปดังกล่าวลาสิกขาโดยด่วน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรได้ เพราะยังไม่สามารถติดต่อพระรูปนี้ได้ ส่วนภาพถ่ายที่นำมาร้องเรียนจำนวนมาก ทางคณะสงฆ์ ไม่สามารถนำมาเปิดเผยในที่สาธารณะได้ เพราะเป็นภาพอุจาดตา กลัวประชาชนจะรับไม่ได้ แต่ได้ให้กลุ่มชาวบ้านตั้งตัวแทนเดินทางไปขอดูภาพที่คณะกรรมการสงฆ์แทน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในวัดว่า มีชาวบ้านเนืองแน่นเต็มลานวัด ต่างฝ่ายต่างมาเฝ้ารอคำชี้แจงจากเจ้าอาวาสรูปนี้ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าพระครูหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ขณะที่สุนัขที่ปรากฏในภาพถ่าย ก็ยังถูกขังอยู่ภายในกุฏิ ประชาชนต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานาและมีบางส่วนไม่ปักใจเชื่อในหลักฐานที่กลุ่มชาวบ้านนำไปร้องเรียน บางส่วนก็พอจะทราบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว โดยเฉพาะคณะกรรม การวัดบางคนได้ขอร้องให้พระครูรูปนี้ลาสิกขา มาแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าจะไม่สึกเพราะมีอายุ มากแล้ว สำหรับเด็กหญิงทั้ง 2 คนที่ปรากฏอยู่ในภาพถ่ายนั้น ไม่มีใครทราบว่าเป็นใครมาจากไหน

นายคุณัฐพงษ์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดพัทลุงได้สั่งการให้พระครูรูปนี้ลาสิกขาเพื่อแก้ปัญหามาตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แต่เจ้าอาวาสไม่ได้อยู่ที่วัด ก็ไม่ทราบว่าจะสึกไปแล้วหรือยัง ส่วนการพิจารณาภาพถ่ายที่ส่งมาร้องเรียนนั้น กรรมการคณะสงฆ์ ก็ได้พิจารณาในเบื้องต้น พร้อมทั้งออกไปดูสถานที่ในวัด จึงมีข้อสรุปออกมาชัดเจนว่าให้รีบลาสิกขา ถ้าหากไม่ปฏิบัติ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนจะไปสึกที่ไหนก็ย่อมจะทำได้ไม่จำเป็นต้องกลับมาสึกที่วัด และหลังจากมีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนไปทั่วประเทศ ประชาชนที่เป็นชาวจังหวัดพัทลุงได้โทรศัพท์มาสอบถามตลอดทั้งคืน เช่นเดียวกับพระผู้ใหญ่ได้โทรศัพท์มาสอบถามด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

ส่วน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอภาพข่าวพระเสพเมถุนกับสุนัขว่า การนำเสนอภาพข่าวดังกล่าวสื่อมวลชนควรระมัดระวัง โดยเฉพาะบุคคลที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ เพราะการมีอะไรกับสัตว์ถือว่ามีปัญหาทางจิตใจ อาจเป็นเพราะติดสารเสพติด หรือสมองไม่ปกติก็เป็นได้ ทั้งนี้ถ้าหากเด็กเห็นภาพดังกล่าวอาจทำให้หลงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมดังนั้นอยากขอความร่วมมือว่าไม่ควรนำเสนอภาพดังกล่าว ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า พฤติกรรมของคนที่มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์เรียกว่า โรคซูฟิเลีย (Zoophilia) โรคนี้ยังรวมถึงพวกที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก คนที่ขโมยกางเกงในไปสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง พวกที่ชอบเอาอวัยวะเพศไปถูไถคนอื่นบนรถเมล์ เป็นต้น

ขณะที่นางบุญศรี พานะจิตต์ รอง ผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุงแล้ว ว่าได้ประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัดพัทลุง เพื่อจะดำเนินการจับสึกพระรูปนี้โดยเร็วที่สุด และเมื่อพระรูปดังกล่าวได้หลบหนีออกจากวัดไป แม้จะไม่ได้มีการสอบสวนหรือชี้แจงจากผู้ถูกกล่าวหา แต่ในเมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีความผิดไปก็ถือว่าหลบหนีความผิดอย่างชัดแจ้ง ประกอบกับมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายจำนวนมาก จึงให้ดำเนินการสึกออกจากความเป็นพระสงฆ์ได้ทันทีในความผิดขั้นปาราชิกตามพระธรรมวินัยสงฆ์

นางบุญศรี กล่าวต่อไปว่า แม้จะถูกขับออกจากความเป็นสมณเพศแล้ว แต่ความผิดตามกฎหมายที่มีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีหรือ 18 ปี ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ก็ไม่ได้ลบล้างไปด้วยหลังจากนี้จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่า พ.ต.อ. ต่อศักดิ์ ชูขำ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้วิทยุสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนออกติดตามหาตัวพระครูรูปดังกล่าว ภายหลังเจ้าคณะจังหวัดพัทลุง สั่งให้รีบลาสิกขา ว่าได้สึกจากการเป็นพระแล้วหรือยัง ส่วนเรื่องคดีที่ร่วมเพศกับเด็กหญิง ที่ปรากฏในภาพถ่ายนั้น ยังไม่มีใครมาแจ้งความดำเนินคดีกับพระรูปนี้ ส่วนเด็กก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นใครมาจากไหน.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์