นายดาบกิ๊กเก่า ฆ่าตร.หญิง แค้นมีคนใหม่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ต.ค. พล.ต.ต.วิฑูรย์ คลังพลอย ผบก.ภ.จ.ตาก เรียกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนประกอบด้วย

พ.ต.ท.รชต สืบสายอ้น รอง ผบก.ภ. จ.ตาก พ.ต.ท.กฤษฎากร เชวงศักดิ์โสภาคก์ รอง ผกก.วท. ภ.จ.ตาก พ.ต.ท.จิระศักดิ์ มหึเมือง สว.สส.สภ.แม่สอด พ.ต.ท.กุลวิทย์ หลวงวรรณณา สว.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.ตาก พ.ต.ท.วิรัช สงวนศักดิ์ สว.สส.สภ.หนองบัวเหนือ และตำรวจชุดคลี่คลายคดีกว่า 20 นาย เข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก 


ทั้งนี้ เพื่อสรุปสำนวนการสอบสวน และติดตามตัวคนร้ายคดีสังหาร ด.ต.หญิงนิภาภรณ์ อุทยานินทร์ หรือ ดาบตุ๊กตา อายุ 41 ปี ผบ.หมู่งานวิทยาการ แผนกงานธุรการ บก.ภ.จ.ตาก

เสียชีวิตข้างอ่างล้างหน้าใกล้ห้องสุขาหญิง ภายในร้านอาหาร “ต้นโฟล์ค” เลขที่ 136 หมู่ 2 ต.ป่ามะม่วง อ.เมืองตาก เมื่อกลางดึกวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายมีอย่างน้อย 4 คน ช่วยกันรุมใช้มีดคัตเตอร์ปาดลำคอและกรีดใบหน้าเหยื่อจนเสียชีวิตอย่างสยดสยอง สำหรับประเด็นสังหารสันนิษฐานว่ามาจากเรื่องความแค้นส่วนตัวและชู้สาว ชุดสืบสวนพอจะรู้ตัวมือเชือดรายนี้แล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยได้สอบพยานแวดล้อมไปแล้วกว่า 10 ปาก รวมถึงผู้ต้องสงสัยที่น่าจะร่วมกันกระทำความผิด ซึ่งมีอยู่ 8 คน เป็นหญิง 6 คน และชาย 2 คน  


พล.ต.ต.วิฑูรย์ คลังพลอย ผบก.ภ.จ.ตาก เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ได้ผลคืบหน้าไปมากแล้ว

ทั้งผลการตรวจเส้นผมและเศษหนังมนุษย์ในเล็บผู้ตาย รอยเลือดและลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ยืนยันแน่ชัดว่า มีผู้ร่วมกระทำความผิดไม่ต่ำกว่า 4 คน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี ส่วนการติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ ประกบตัวผู้ต้องสงสัยไว้หมดแล้ว เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกพื้นที่ โดยตั้งปมสังหารเกี่ยวข้องกับเรื่องความแค้นส่วนตัว ทั้งนี้ ผู้ตายและกลุ่มคนร้ายเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาเพื่อมัดตัวคนร้าย ก่อนจะขออำนาจศาลพิจารณาออกหมายจับใน 2-3 วันนี้




ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.6 เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายผู้ก่อเหตุแล้ว เป็นตำรวจยศดาบตำรวจ

กำลังขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดตาก ส่วนชื่อของดาบตำรวจคนดังกล่าวขอปิดไว้ก่อน และขณะนี้ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปยัง จ.เชียงใหม่ แล้ว ส่วนสาเหตุเกิดจากความหึงหวง เนื่องจากวันเกิดเหตุ ผู้ตายพาเพื่อนชายคนใหม่ไปนั่งกินอาหารที่ร้านต้นโฟล์ค แล้วพบกับดาบตำรวจมือเชือด ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ตายมาก่อน ทำให้ดาบตำรวจผู้ก่อเหตุเกิดความหึงหวง เมื่อผู้ตายเดินเข้าห้องน้ำจึงเดินตามเข้าไป และใช้มีดคัตเตอร์ที่พกติดตัวไปด้วยทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ มั่นใจว่าจะต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
 


ส่วนที่ศาลาการเปรียญ วัดดอนแก้ว ต.หนองหลวง อ.เมืองตาก สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ด.ต.หญิง นิภาภรณ์ อุทยานินทร์ เหยื่อมือมีดคัตเตอร์อำมหิต ในช่วงเช้าที่ผ่านมา

มีการทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ตาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีเพื่อนข้าราชการตำรวจ บก.ภ.จ.ตาก รวมถึงเพื่อนข้าราชการตำรวจ จากกองวิทยาการภูธร ภาค 6 จ.นครสวรรค์ และญาติพี่น้อง เดินทางมาร่วมงานกันจำนวนมาก ส่วนในช่วงเย็นวันเดียวกัน จะมีการสวดอภิธรรมศพเป็นเวลา 3 คืน และมีพิธีฌาปนกิจศพในช่วงบ่ายวันพุธที่ 22 ต.ค.นี้


นายวิชิต อุทยานินทร์ อายุ 71 ปี และนางจิระภา อุทยานินทร์ อายุ 66 ปี บิดาและมารดาของผู้ตาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า มีบุตร 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด

ผู้เสียชีวิตเป็นคนที่ 2 หลังทราบข่าวจากผู้บังคับบัญชาโทรศัพท์ไปบอกว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ตอนแรกถึงกับช็อกไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นจริงๆ ขณะนี้ยังทำใจไม่ได้เพราะเป็นเหตุสะเทือนขวัญ ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะต้องมาเผาศพลูกตัวเอง คนร้ายก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมใช้มีดเชือดคอเหยื่ออย่างทารุณ คาดว่าจะมีผู้ร่วมก่อเหตุด้วยกันหลายคน อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ให้ได้โดยเร็ว  


พ่อแม่เหยื่อมือมีดคัตเตอร์กล่าวด้วยความโศกเศร้าต่อไปว่า ก่อนหน้านี้พวกตนเคยให้ลูกสาวทำเรื่อง ขอย้ายกลับภูมิลำเนาใน จ.นครราชสีมา เพื่อไปดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้ว แต่มาเกิดเหตุสลดเสียก่อน

สำหรับอุปนิสัย ใจคอของลูกสาวปกติเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา เป็นคนตั้งใจทำงาน ลูกสาวเคยผ่านการสมรส แต่หย่าร้างกับสามีนานแล้ว และต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกสาวที่อยู่ในวัยเรียนอีก 2 คน คนโตอายุ 18 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 ร.ร.ตากวิทยาคม อีกคนอายุ 16 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนเดียวกัน ดังนั้นหลานสาวทั้ง 2 คน เมื่อขาดแม่ที่เป็นเสาหลักไปแล้ว ตาและยายจะต้องอุปการะเลี้ยงดูกันต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์