โพลชี้นร.ก้าวร้าวนิยมความรุนแรง

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผอ.สถาบันรามจิตติ กล่าวว่า จากการสำรวจของโครงการชายด์วอช ของสถาบันรามจิตติที่สำรวจพฤติกรรมเด็กไทยทั่วประเทศเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กทั้งการเล่นพนันบอล และใช้ความรุนแรง พบว่า นักเรียนระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ซึ่งอยู่ในระบบการศึกษาประมาณ 7 ล้านคน นั้นถูกตบ ตี เตะ โดยเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ประมาณ 10% หรือ 700,000 คน โดยภาคกลางมีอัตราสูงสุด 8-12% ต่ำสุดภาคเหนือตอนบน นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ รีดไถ ประมาณ 7% หรือ 400,000-500,000 คน ทั้งนี้การใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกายกันของเด็กมีความรุนแรงมากขึ้น จากเดิมที่จะแค่เตะ ต่อย ให้เจ็บให้สะใจ ก็เริ่มทำร้ายกันถึงขั้นเลือดตกยางออก และมีการถ่ายคลิปวีดีโอไว้

ดร.อมรวิชช์ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าความรุนแรงได้ถูกยกระดับขึ้นกลายเป็นวิธีคิดของเด็ก เป็นวัฒนธรรม เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ ที่จะต้องถ่ายคลิปวีดีโอไว้อวดกัน ทั้งนี้พฤติกรรมทั้งหมดถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะขณะนี้เด็กไทยบางส่วนบูชาความรุนแรงด้วย ส่วนแนวทางการแก้ไข คิดว่าในระยะสั้น เด็กที่มีพฤติกรรมรุนแรงเพราะเด็กถูกทำร้ายมาจากครอบครัวและคนใกล้ตัวมาก่อน จึงมาทำร้ายผู้อื่นอีกทอดหนึ่งเพื่อระบายความแค้น ดังนั้นการลงโทษอาจไม่ใช้วิธีการที่ถูกต้อง เราควรจะตัดวงจรร้ายนี้ด้วยการให้เด็กได้แสดงออกในด้านดี ส่วนระยะยาวโรงเรียนควรสอนทักษะชีวิตเด็กให้มากขึ้น นอกจากนี้ละครโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับวัยรุ่นในโรงเรียนต่างประเทศ ที่มีการจิกหัวตบอยู่แทบทุกเรื่อง แต่เรื่องดังกล่าวเป็นที่นิยมของเด็กไทยที่จะดูและเลียนแบบ