เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ต.ค. นางกัญญารัตน์ งามนิจ อายุ 34 ปี อยู่ย่านวังทองหลาง กทม.
ได้เข้าพบ พ.ต.ศลิษฎพงศ์ แก้วพิลา ผบ.ร้อย ทพ.1201 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ที่ บก.ร้อย ทพ.1201 หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตรงข้ามบ่อนกาสิโน ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อขอความช่วยเหลือ เรื่องสามีถูกแก๊งนายทุนเงินกู้ในบ่อนกาสิโนปริ้นเซส คราวน์ จับตัวไปกักขังไว้ในบ่อน และให้หาเงินไปไถ่ตัว 3.5 แสนบาท หากไม่ทำตามจะฆ่าทิ้ง
นางกัญญารัตน์ให้รายละเอียดว่า
สามีชื่อนายสมนึก แสงทอง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 472/8 หมู่ 6 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. ประกอบธุรกิจทำรถทัวร์รับส่งนักพนันจาก จ.นนทบุรี ไปส่งที่บ่อนกาสิโนสตาร์เวกัส ฝั่งปอยเปต ทำมานานกว่า 5 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อเดือน ก.ย. 50 เสียพนันในบ่อน เลยกู้ยืมเงินจากร้านกู๊ดลักส์ ในบ่อนปริ้นเซส หรือที่รู้จักกันในวงพนันว่า “แก๊งหยิบสิบ” จำนวน 4 แสนบาท โดยไม่มีสัญญาค้ำประกัน แถมต้องเล่นพนันเฉพาะโต๊ะพนันของนายทุนเงินกู้เท่านั้น โดยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 10 หักดอกไปก่อน ปรากฏว่าเสียพนันเกลี้ยงภายในวันเดียว ทางนายทุนเงินกู้ได้บังคับให้ทำสัญญาเงินกู้แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดใดๆแล้วให้เซ็นชื่ออย่างเดียว กำหนดชำระภายใน 15 วัน
เมียเสี่ยรถทัวร์กล่าวอีกว่า
ระยะเวลาเพียง 15 วัน ไม่สามารถหาเงินได้แน่ จึงขอต่อรองขอจ่ายให้ก่อน 1 แสนบาท ที่เหลือขอผ่อนชำระหนี้เป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ ละ 5,000 บาท และได้ผ่อนชำระหนี้มาทุกงวด กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนกับสามีเดินทางเข้าไปในฝั่งปอยเปต ขณะเดินข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ถึงฝังปอยเปต ถูกแก๊งหยิบสิบ 4 คน ของนายทุนเงินกู้มาอุ้มตัวสามีขึ้นรถหายไป แล้วให้ตนมาหาเงินไปไถ่ตัวนายสมนึกสามี รวมเป็นเงิน 3.5 แสนบาท อ้างเป็นเงินที่กู้ไป
“เงินที่กู้มาได้ผ่อนใช้คืนไปแล้ว 215,000 บาท ยังคงเหลืออีกเพียง 185,000 บาท แต่นายทุนเงินกู้กลับเรียกเงินถึง 3.5 แสนบาท แถมยังข่มขู่ว่าไม่อยากให้ผัวตายในเขมรให้รีบหาเงินมาไถ่ตัวภายใน 15 วัน ช่วงที่สามีถูกจับตัวไปตอนแรก แก๊งนายทุนยังอนุญาตให้สามีโทรศัพท์มาคุยทุกวัน แต่ละครั้งบอกว่าถูกซ้อมทุกวันแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แต่เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 51 เป็นต้นมา ไม่ได้รับการติดต่อจากสามีอีกเลย เกรงว่าสามีอาจได้รับอันตราย จึงมาร้องขอให้ทหารช่วยเหลือ และได้แจ้งความ สภ.คลองลึก แล้ว เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีความคืบหน้า” นางกัญญารัตน์กล่าว
หลังรับเรื่อง พ.ต.ศลิษฎพงศ์ได้แนะนำให้นางกัญญารัตน์ งามนิจ เดินทางไปแจ้ง สน.ปทก. (สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา) ประจำ อ.อรัญประเทศ เพื่อติดต่อประสานงานกับฝ่ายกัมพูชาให้ติดตามช่วยเหลือนายสมนึก ส่วนทาง ทพ.1201 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา จะเร่งประสานกับฝ่ายทหารของกัมพูชา เพื่อหาทางช่วยเหลืออีกด้านหนึ่งด้วย