เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 4 ต.ค. ร.ต.อ.อรรถพร พุ่มห้วยรอบ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งจาก รพ.ศูนย์บุรีรัมย์ ว่ามีเด็กถูกจอบจามศีรษะ
โดยจอบยังคาอยู่ที่ศีรษะอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน ไปสอบสวนที่โรงพยาบาล พบภายในที่ห้องอุบัติเหตุ แพทย์และพยาบาลกำลังช่วยกันยื้อชีวิต ด.ช.สุรพัฒน์ หรือน้องเต้ย สุริด อายุ 9 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 4 บ้านเมืองแฝก ต.เย้ยปราสาท อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ โดยศีรษะมีจอบปักติดอยู่กลางศีรษะแน่น แพทย์ต้องพยายามตัดด้ามจอบซึ่งเป็นไม้ขนาดยาวประมาณ 1.50 เมตร ออกจากศีรษะอย่างระมัดระวังเหลือเพียงโคนจอบ
ส่วนหนูน้อยร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าเวทนา จากนั้นนำไปเอกซเรย์พบคมจอบทะลุเข้าถึงกะโหลกทะลุสมองลึกประมาณ 2 นิ้วเศษ
แถมยังพบคมจอบเป็นสนิมเขรอะ แพทย์ต้องฉีดยากันบาดทะยักให้กับน้องเต้ยไว้ก่อน แล้วนำตัวเข้าห้องผ่าตัดเอาจอบออกจากศีรษะ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง คณะแพทย์สามารถผ่าตัดเอาจอบออกมาได้ ท่ามกลางการลุ้นระทึกของผู้ปกครองและญาติพี่น้อง พอทุกคนทราบว่าแพทย์นำจอบออกมาได้ต่างพากันโล่งอก และจากการตรวจสอบพบว่าหนูน้อยได้รับการกระทบกระเทือนสมองอย่างรุนแรง แพทย์ต้องนำเข้าไอซียูเพื่อรอดูอาการต่อไป
สอบถามทราบว่า ด.ช.สุรพัฒน์เป็นลูกของนายสุริยะ สุริด อายุ 32 ปี กับนางศรีนวล บุญล้อม
โดยนางศรีนวลให้รายละเอียดว่า น้องเต้ยเป็นลูกคนเล็ก เรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านหนองตาดำ ต.เย้ยปราสาท อ.หนองกี่ ก่อนเกิดเหตุ นายสุริยะ สามี ไปขับรถส่งน้ำแข็งให้กับโรงงานประสงค์ทรัพย์ ในตลาดหนองกี่ ส่วนตนอยู่บ้านกับน้องเต้ย และปล่อยให้วิ่งเล่นกับเพื่อนชื่อน้องเอก (นามสมมติ) เรียนชั้นเดียวกัน ภายหลังเด็กทั้งสองชวนกันไปขุดหาไส้เดือนแถวในป่ายูคาลิปตัสใกล้หมู่บ้านเพื่อนำไปเป็นเหยื่อตกปลา
หลังหายไปสักพัก ปรากฏว่า ด.ช.เอกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกตนกับชาวบ้านว่า ด.ช.สุรพัฒน์ถูกจอบจามศีรษะ
พอทราบเรื่องรีบวิ่งไปดูพบลูกชายนอนร้องระงมด้วยความเจ็บปวดโดยมีจอบคาอยู่ที่ศีรษะ ชาวบ้านพยายามช่วยกันดึงออกแต่ไม่สำเร็จ เลยรีบนำตัวส่ง รพ.หนองกี่ แต่อุปกรณ์ไม่พร้อม แพทย์ได้นำส่งต่อ รพ.ศูนย์บุรีรัมย์ และจากการสอบถามน้องเอกทราบว่า ระหว่างต่างคนต่างขุดหาไส้เดือน ปรากฏว่า ด.ช.เอก ได้เงื้อจอบขึ้นจะขุดดิน จังหวะนั้นน้องเต้ยนั่งขุดอยู่ใกล้กัน จอบเลยพลาดจามลงกลางศีรษะของน้องเต้ยอย่างแรง คมจอบฝังลึกลงกลางกะโหลก จนดิ้นพราด ด้วยความตกใจและทำอะไรไม่ถูก น้องเอกเลยวิ่งมาบอกชาวบ้านให้ไปช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้พนักงานสอบสวนจะสอบหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง