อ่างเก็บน้ำขนาดยักษ์แตกกลางดึก น้ำไหลทะลักเข้าพังบ้านเรือนเสียหายยับเยิน ชาวบ้านหนีตายอลหม่าน ข้าวของเครื่องใช้โดนน้ำพัดหาย เหตุเกิดในพื้นที่อ.นิคมพัฒนา เมืองระยอง เผยเป็นอ่างเก็บน้ำใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมของบริษัทเอกชน สาเหตุยางก้นอ่างเก็บน้ำรั่ว ผู้บริหารประกาศรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 28 ก.ย. ร.ต.อ.อภิชัย ไลออน ร้อยเวรสภ.บ้านค่าย จ.ระยอง รับแจ้งว่ามีเหตุน้ำจากอ่างเก็บน้ำของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสต์วอเตอร์ (east water)
หมู่ 2 ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง แตก ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน บริเวณซอยเขาโพธิ์ 1 หมู่ 11 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย และบริเวณบ้านเรือนริมอ่างได้รับความเสียหาย จึงประสานไปยังเทศ บาลนิคมพัฒนา และหน่วยกู้ภัยภายในพื้นที่เข้าให้ความช่วยเหลือทันที พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านนับร้อยคนออกมายืนออกันอยู่ริมถนนหน้าหมู่บ้าน และเมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในซอยพบว่ามีโคลนสีแดงและน้ำเจิ่งนองเต็มพื้น
และภายในบ้านก็ยังพบข้าวของเครื่องใช้ ถูกกระแสน้ำพัดจนได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมถึงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ถูกโคลนพัดจนล้มระเนระนาด นายก้าน เกยด่านกลาง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/81 ต.นิคมพัฒนา ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย กล่าวด้วยความตกใจว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังมากเหมือนกับเสียงน้ำตื่นขึ้นมาดูพบว่า รถยนต์ในอู่ของตนเองไหลไปกับสายน้ำ 2 คัน และน้ำได้ไหลทะลักอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก จึงรีบปลุกบุตรและภรรยาออกไปอยู่ที่สูงทันที ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องการให้ทางบริษัทเจ้าของอ่างรับผิดชอบด้วย เพราะถือเป็นความไม่ได้มาตรฐานของการก่อสร้างอ่างจนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
นางมะลิ เข็มทอง อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านในซอยเขาโพธิ์ 1 ต.หนองละลอก กล่าวด้วยสีหน้าตกใจว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังจะเข้าห้องน้ำแต่จู่ๆ ได้ยินเสียงดังมาจากทางอ่างเก็บน้ำ
จึงมองออกไปทางหน้าต่าง เห็นว่าน้ำสูงประมาณ 100 ซ.ม.ไหลมาอย่างรวดเร็ว เข้ามาในบ้านจนทำให้ตู้เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็น ลอยไปตามน้ำและไหลวนอยู่ภายในบ้าน จึงได้เรียกคนในบ้านรีบเปิดประตูออกไป แต่ปรากฏว่าประตูไม่สามารถเปิดได้ เพราะแรงดันของน้ำที่ไหลทะลักมาก จึงเปิดหน้าต่างปีนและรีบเดินลุยน้ำออกไปยังที่สูง ซึ่งชาวบ้านทั้งหมู่บ้านต่างก็วิ่งออกจากบ้านอย่างทุลักทุเลมาอยู่ในจุดที่ปลอดภัยยืนมองน้ำซัดข้าวของเครื่องใช้ แต่ก็ได้แต่มองเพราะไม่สามารถทำอะไรได้ น้ำแรงมาก กระแสน้ำไหลมาประมาณ 30 นาทีก็หยุด จึงเข้าไปสำรวจก็พบแต่โคลน และข้าวของเครื่องใช้ล้มระเนระนาด จึงต้องการให้ช่วยเหลือด้วย เพราะไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าใส่เพราะถูกน้ำซัดไปหมดและติดโคลนหมดทั้งตู้
อ่างเก็บน้ำแตก หนีตายอลหม่าน
ต่อมานายสุเทพ รื่นถวิล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง นายวรรณศิริ เจริญพร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลมาบข่า อ.นิคมพัฒนา และนายเฉลิมพล ชูเพชร ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการบริษัทอีสต์วอเตอร์ เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
และสั่งการให้นำรถดับเพลิงเข้ามาช่วยฉีดโคลนบนถนนและบ้านเรือนชาวบ้าน ที่ถูกโคลนสูงประมาณ 20 ซ.ม.และน้ำท่วมขังอยู่ จากการตรวจสอบพบมีบ้านเรือนชาวบ้านประมาณ 50 หลังคาเรือน ถูกน้ำทะลักเข้าภายในบ้าน ข้าวของเครื่องใช้เสียหายทั้งหมด แต่ไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และยังพบรถยนต์ถูกน้ำซัดจมโคลนไปอีก 2 คัน รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายหลายคัน พื้นที่โดยรอบถูกกระแสน้ำที่ไหลทะลักจากอ่างเก็บน้ำที่พังลงมาซัดจนต้นไม้หักไปหลายต้น
หลังจากการขึ้นไปตรวจสอบอ่างเก็บน้ำที่อยู่เหนือหมู่บ้าน ห่างไปประมาณ 500 เมตร เป็นเนินเขา พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาด 2 ไร่
และสันอ่างเก็บน้ำที่สูงประมาณ 20 เมตร บริเวณด้านหน้าพังเป็นช่องขนาดประมาณ 3 เมตร ดินถล่มจนเป็นช่องโหว่ ซึ่งเป็นช่องที่น้ำไหลทะลักเข้าหมู่บ้าน ภายในอ่างเก็บน้ำ มีน้ำเหลืออยู่ก้นอ่างเพียงเล็กน้อย นายเฉลิมพล กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำดังกล่าวสร้างมาหลายปีแล้ว เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และอุปโภคบริโภค ก่อนเกิดเหตุมีการล้างก้นอ่างไป และสูบน้ำเข้าไปใหม่จำนวน 60,000 ลูกบาศก์เมตร และก็มาเกิดเหตุขึ้น เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบและได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ดูแลอ่าง สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากผ้ายางคุมพื้นอ่างรั่ว จนทำให้น้ำไหลทะลักออกมา จนทำให้คันอ่างพังทลายลงมา สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน ทางบริษัทจะรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งเบื้องต้นได้ตั้งจุดรับแจ้งความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและนำน้ำดื่มมาบริการให้ชาวบ้านด้วย
ด้านนายสุเทพ กล่าวว่า ได้มีการเข้าตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นซึ่งยังไม่สามารถประมวลความเสียหายในเบื้องต้นได้ ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ก่อนจะรายงานให้ผวจ.ระ ยองทราบต่อไป เบื้องต้นค่าเสียหายยังไม่สามารถสรุปได้ คงต้องรอตรวจสอบทรัพย์สินชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนชาวบ้านที่อยู่รอบอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ต่างไม่ต้องการให้ทางบริษัทสร้างอ่างเก็บน้ำต่ออีก เพราะถือว่าเป็นอันตรายกับชุมชน และไม่มีมาตรฐานในความปลอดภัย จึงต้องการให้ย้ายไปสร้างในจุดอื่น เพราะหากทำต่อไม่รู้จะพังอีกวันไหน และต้องการให้บริษัทช่วยเหลือชาวบ้านและชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะชาวบ้านเดือดร้อนมาก
ด้านพ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บ้านค่าย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับร้อยเวรเจ้าของคดีให้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ซึ่งเบื้องต้นไม่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงยังไม่มีการแจ้งดำเนินคดีกับบริษัท แต่หากชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะถือว่าบริษัทต้องรับผิดชอบซึ่งเป็นคดีแพ่ง ต้องฟ้องร้องกันต่อไป