หลังมีรายงานข่าวครึกโครมว่า ผลิต ภัณฑ์นมของบริษัทซานลู่ กรุ๊ป ในจีน ทำให้เด็กจีนล้มป่วยราว 53,000 คน และเสียชีวิตไปแล้ว 4 คน
ทำให้เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เกิดความวิตก เนื่องจากนมที่ให้บรรดาลูกสัตว์ดื่ม ก็ผลิตโดยบริษัทเดียวกันนี้ ด้วยเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่สวนสัตว์จึงระงับไม่ให้ลูกสัตว์ดื่มนมของบริษัทซานลู่อีกต่อไป และยังส่งพวกมันไปให้สัตวแพทย์ตรวจสุขภาพร่างกาย ซึ่งปรากฏว่าพบลูกลิงอุรังอุตัง 2 ตัว และลูกสิงโตอีก 1 ตัว ป่วยเป็นนิ่วในไต
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ อื่น ๆ รวมถึงสวนสัตว์ปักกิ่ง และสวนสัตว์ในนครเซี่ยงไฮ้ กวางโจว ซีอาน ยืนยันว่ายังไม่ พบว่าสัตว์ที่เลี้ยงไว้ ล้มป่วยจากการดื่มนมปน เปื้อนสารอันตราย
ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เพาะพันธุ์แพนดาหว่อหลง ก็ยืนยันเช่นกันว่าไม่มีปัญหาดังกล่าว เพราะไม่ได้ให้ลูกแพนด้าในศูนย์ดื่มนมของบริษัทซานลู่ มีรายงานไต้หวันตรวจพบการเจ็บป่วยเป็นครั้งแรก ที่อาจเกี่ยวข้องกับนมปนเปื้อนผลิตในจีน โดยผู้ป่วยเป็นเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ 2 คน และเด็กชายอายุ 1 ขวบอีก 1 คน ซึ่งป่วยเป็นนิ่วในไตหลังจากดื่มนมผงจากจีน นอกจากนี้ยังพบว่า มารดาของเด็กหญิงคนหนึ่งในนั้นก็เป็นนิ่วในไตด้วยเช่นกัน
ด้านนายฮานส์ โทรดส์สัน ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (ฮู) ในจีน กล่าวเตือนว่า อาจพบผู้เสียชีวิตจากการบริโภคนมปนเปื้อนเพิ่มขึ้น
แต่ไม่คิดว่าจะมีจำนวนสูงมากนัก ทั้งยังคิดว่าจะมีการเรียกคืนสินค้า และยอดเด็กป่วยเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นายโทรดส์สันเห็นว่ารัฐบาลจีนได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากได้แจ้งเรื่องให้สาธารณะชนทราบเมื่อต้นเดือน และยังเรียกร้องไม่ให้ผู้บริโภคเหมารวมว่านมทุกยี่ห้อปนเปื้อนสารเมลามีนทั้งหมด สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิก 27 ประเทศ เป็นองค์กรล่าสุดที่ได้สั่งห้าม และจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากจีน ทำให้จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ต้องประสบปัญหาด้านชื่อเสียงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา.