“วิชาญ” สั่งเวลา อย.ตรวจขนมส่วนผสมนมผงจากจีน 2 สัปดาห์ ยันขณะนี้ยังไม่พบสินค้าปนเปื้อน ด้าน อย.เรียกถก 3 บริษัทดัง ก่อนสั่งเก็บช็อกโกแลตหมีโคล่าที่นำเข้า เผยผลช็อกโกแลตเอ็มแอนด์เอ็ม ปลอดภัย ขณะที่คนป่วยนอกจีนเพิ่มขึ้น ไต้หวันพบชีสพิซซ่าฮัทปนเปื้อนอื้อ
ทางการไทยเร่งหามาตรการป้องกันผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตจากจีน ซึ่งอาจจะมีการปนเปื้อนสารเมลามีน เมื่อวันที่ 26 กันยายน นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ขอความร่วมมือจากผู้ค้าและผู้ผลิตในการนำผลิตภัณฑ์มาให้องค์การอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้า
ทั้งนี้ผู้ประกอบการยื่นเอกสารนำเข้าผลิตภัณฑ์ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อไม่มั่นใจว่าจะมีสารปนเปื้อนหรือไม่ จึงขอความร่วมมือให้เก็บผลิตภัณฑ์เหล่านั้น และตรวจสอบก่อนว่ามีสารปนเปื้อนหรือไม่ ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ได้มีการแจ้งนำเข้า กระทรวงให้สาธารณสุขจังหวัด และ อย.ลงไปตรวจสอบตามจังหวัดต่างๆ พร้อมทั้งขอความร่วมมือว่าในช่วงนี้ขอให้ระงับการขายสินค้าต่างๆ ดังกล่าว นอกจากนี้จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วยตัวเองในช่วงสุดสัปดาห์นี้
รมช.สาธารณสุขกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้มีปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของประเทศจีน จึงต้องมีการตรวจสอบเป็นพิเศษ ไม่ต้องห่วง กระทรวงสาธารณสุขจะดูแลประชาชน เพียงแต่เราใช้มาตรการขอความร่วมมือซึ่งอ่อนกว่าประเทศทางยุโรป และยังไม่ตรวจพบผลิตภัณฑ์ที่มีสารปนเปื้อน
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 17.00 น. นพ.ชาตรี บานชื่น เลขาธิการ อย. กล่าวว่า อย.ได้เรียกบริษัทอีก 3 แห่งมาพูดคุย ได้แก่ บริษัทยูนิลีเวอร์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ไอศกรีม 2 ยี่ห้อ บริษัทลอตเต้ เจ้าของผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตรูปหมีโคล่า และอีก 1 บริษัทเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นมชื่อดังมาพูดคุย หากเป็นการสั่งวัตถุดิบที่มาจากประเทศจีน บริษัททุกบริษัทพร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเก็บตัวอย่างตรวจวิเคราะห์ โดยทุกบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมจากประเทศจีน จะใช้มาตรฐานเดียวกัน คือต้องเก็บออกจากหิ้ง หรือชั้นวางก่อน เมื่อมีผลการตรวจวิเคราะห์มายืนยันแล้วก็สามารถนำออกจำหน่ายได้
“ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะจีนมีบริษัทนม 700-800 บริษัท แต่มีปัญหาเพียง 22 บริษัทเท่านั้น อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากนมจีนนั้น บางชนิดมีนมเป็นส่วนประกอบน้อยมากเพียง 4% เท่านั้น กรณีที่ตรวจพบสารเมลามีนก็พบน้อยมาก และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย อย.ก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่และเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายมีความปลอดภัย” นพ.ชาตรีกล่าว
ภก.มานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า จากการเชิญเจ้าของผลิตภัณฑ์บิสกิตช็อกโกแลตหมีโคล่ามาพูดคุย ผู้ประกอบการที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยินดีให้ความร่วมมือเก็บผลิตภัณฑ์จากจีนออกจากหิ้ง และนำผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนเมลามีน เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บิสกิตรูปหมีบางส่วนมีการนำเข้าจากประเทศจีน ส่วนบริษัทนมยี่ห้อดังที่นำวัตถุดิบมาจากจีน ซึ่งได้อายัดวัตถุดิบเอาไว้ก่อนแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง และขณะนี้ผลการตรวจออกมาแล้วว่าปลอดภัย ดังนั้นในสัปดาห์หน้าจะถอนอายัดต่อไป ส่วนกรณีของยูนิลีเวอร์นั้น ยืนยันว่านมที่ทำไอศกรีมไม่ได้มาจากจีน ซึ่งบริษัทมีหนังสือยืนยัน
ภก.มานิตย์กล่าวต่อว่า อย.จะทยอยเรียกผู้ประกอบการที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมจากประเทศจีนมาพูดคุยและขอความร่วมมือในการเก็บออกจากชั้นวาง คาดว่ากระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทุกอย่างจะเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก เพราะผลิตภัณฑ์จากจีนที่เก็บออกจากชั้นวางและส่งตรวจวิเคราะห์ไม่ได้หมายความว่ามีการปนเปื้อนเมลามีน แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคจึงมีการดำเนินการ ล่าสุดกรณีช็อกโกแลตนมเคลือบน้ำตาลสีต่างๆ ตราเอ็มแอนด์เอ็มที่นำเข้าจากจีน ก็แจ้งผลตรวจมาแล้วว่า พบเมลามีนไม่ถึง 1 พีพีเอ็ม ถือว่าปลอดภัย ซึ่ง อย.จะออกหนังสือรับรองความปลอดภัยให้ต่อไป
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ นายอิสรา นานาวิชิต รองหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบสินค้าภายในบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ เทสโก้โลตัส และท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบว่าห้างสรรพสินค้าทุกแห่งให้ความร่วมมือด้วยการเก็บและงดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ 6 ชนิด ได้แก่ ขนมปังกรอบและข้าวโอ๊ตรสกาแฟตราเหมาฮวด หรือคอฟฟี่ แครกเกอร์, เวเฟอร์สติ๊กไวท์ช็อกโกแลต เวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลตขาว ยี่ห้อโอรีโอ, ช็อกโกแลตนมตราโดฟ, ช็อกโกแลตนมเคลือบน้ำตาลตราเอ็มแอนด์เอ็ม, ถั่วลิสงคาราเมล, นูกัตเคลือบช็อกโกแลตนมตราสนิกเกอร์ส และเมนทอสโยเกิร์ตมิกซ์ หรือลูกอมกลิ่นผลไม้รวม
ส่วนสถานการณ์ในต่างประเทศ มีรายงานการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากขนมปังกรอบรูปหมีโคล่าสอดไส้ช็อกโกแลตของบริษัทลอตเต้แล้ว ก็ยังพบการปนเปื้อนในชีสของร้านพิซซ่าฮัทในไต้หวันด้วย
ทั้งนี้ มาเก๊าซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ได้ตรวจพบสารเมลามีนปนเปื้อนในคุกกี้ช็อกโกแลตรูปหมีโคล่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทลอตเต้ที่ผลิตในจีนในระดับที่เป็นอันตราย โดยรัฐบาลมาเก๊าแถลงว่าพบปริมาณเมลามีนผสมอยู่ในคุกกี้มาร์ชของโคล่าที่ผลิตโดยบริษัทลอตเต้ ไชน่า ฟู้ดส์ โค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทลอตเต้ กรุ๊ป ของญี่ปุ่นมากถึง 24 เท่าของระดับที่ปลอดภัย และตรวจพบสารเมลามีนปนเปื้อนในนมที่ผลิตโดยบริษัทนม เหมิงหนิว แดรี กรุ๊ป โค และนมผงที่ผลิต โดยเนสท์เล่ของสวิตเซอร์แลนด์ที่ผลิตในจีน แต่ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
ส่วนที่ไต้หวันมีรายงานว่า เครือข่ายร้านพิซซ่าฮัท ซึ่งมีอยู่ 145 สาขา ได้เลิกแจกชีสซอสชนิดบรรจุซองให้แก่ลูกค้าแล้ว หลังตรวจพบสารเมลามีนปริมาณสูง คือที่ระดับ 70 ส่วนต่อล้านในซอสชนิดนี้ ซึ่งสูงกว่าระดับความปลอดภัยที่ทางการไต้หวันกำหนดเอาไว้ถึง 28 เท่า
ส่วนเรื่องผู้ป่วยนั้น ก็น่าเป็นห่วงเพราะมีการพบคนป่วยที่อยู่นอกประเทศจีนเพิ่มขึ้น ล่าสุด มีเด็กไต้หวัน 3 คน ที่เป็นนิ่วเพราะดื่มนมจีนเข้าไป โดยเด็กเหล่านี้ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ 2 คน และทารกชายวัย 1 ขวบนั้นจะติดตามพ่อแม่เดินทางไปมาระหว่างไต้หวันกับจีนอยู่บ่อยๆ ทั้งยังพบว่าแม่ของเด็กหญิงคนหนึ่งก็เป็นโรคนิ่วด้วยเช่นกัน ส่วนที่นิวซีแลนด์มีรายงานว่านายโอลิเวอร์ หลี ชาวจีนที่เติบโตในเมืองอู๋ฮั่น ทางตอนกลางของจีน และได้อพยพมาอยู่ที่นิวซีแลนด์อ้างว่าล้มป่วยหลังกินขนมหวานที่มีนมปนเปื้อนจากจีนเป็นส่วนผสมเข้าไป 2 ห่อแล้วเป็นนิ่วขึ้นในเดือนมิถุนายน
วิกฤติที่เกิดขึ้นส่งผลให้องค์การอนามัยโลก (ฮู) ออกมาเตือนว่าอาจมีผู้เสียชีวิตจากนมปนเปื้อนสารพิษเมลามีน ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น พร้อมตำหนิว่า สถานการณ์นมปนเปื้อนสารเมลามีนในจีนเลวร้ายลงเพราะความโง่เขลา และไม่ยอมรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ทางการในท้องถิ่น ซึ่งหากมีการรายงานในทันทีที่ทราบเรื่องสถานการณ์คงไม่เลวร้ายขนาดนี้
การออกมาเตือนของฮูมีขึ้นในวันเดียวกับที่บริษัทผู้ผลิตลูกอมนมยอดนิยมของจีน ยี่ห้อกระต่ายขาว ประกาศระงับการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวภายในประเทศ เนื่องจากพบสารเมลามีนปนเปื้อน หลังจากหลายประเทศสั่งห้ามจำหน่ายลูกอมยี่ห้อนี้ไปแล้ว ขณะที่อียูเป็นกลุ่มประเทศล่าสุดที่สั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมจากจีน ทำให้จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในเอเชียต้องเผชิญต่อความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุด