ผอ.สปร.ชี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศอย่างมาก ยันก่อนแรงงานไปนอกสอบประวัติอาชญากรรมแล้ว ด้านอธิบดีกรมแรงงาน ห่วงโทษถึงขั้นประหารชีวิต เผยทางการโสมขาวปิดรายชื่อ อ้างอยู่ระหว่างสอบสวน
เมื่อเวลา 13.00 น. นายสุภัท กุขุน ผู้อำนวยการสำนักประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศ (สปร.) สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 กันยายน ถึงกรณีที่ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมแรงงานไทย 111 คน ว่า จากการประสานไปยัง น.ส.นฤมล พูลทรัพย์ อัครราชทูตที่ปรึกษาแรงงานประจำประเทศเกาหลีใต้ และสำนักงานแรงงานไทยในเกาหลี (สนร.) ทราบว่ามีแรงงานไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสพและลักค้ายาบ้า จำนวน 116 คน ขณะนี้ สนร.กำลังประสานกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เกาหลี และตำรวจสากล สอบสวนว่ามีแรงงานไทยกี่คนที่เป็นผู้เสพและขนยาบ้าเข้าไปขายในเกาหลีใต้ หากทราบยอดที่แน่นอนก็สามารถตรวจรายชื่อจากฐานข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ (สรต.) กรมการจัดหางาน ว่าเป็นใคร มีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด
"เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศไทยแน่นอน ที่สำคัญเกาหลีใต้ถือเป็นตลาดแรงงานที่จัดส่งโดยรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด เพราะปัจจุบันมีแรงงานไทยในประเทศเกาหลีมากกว่า 30,000 คน และในเดือนพฤศจิกายนนี้ ประเทศไทยจะมีการสอบวัดความสามารถเพื่อคัดเลือกคนงานไปทำงานที่เกาหลีใต้ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลไทย โดยกระทรวงแรงงานได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับเกาหลีใต้ โดยได้โควตาส่งแรงงานไทยเข้าไปทำงานในปี 2552 กว่า 10,000 คน ฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้นายจ้างเกาหลีลังเลที่จะจ้างแรงงานไทยเข้าไปทำงาน" นายสุภัท กล่าว
ผู้อำนวยการ สปร. กล่าวต่อว่า แรงงานไทยส่วนใหญ่ที่ไปทำงานในต่างประเทศมักจะมีปัญหาในเรื่องการดื่มสุรา เล่นการพนัน และมีบ้างที่เสพยา
แต่กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมจำนวนมาก เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการและใช้เวลาในการแฝงตัวเข้าไปนานพอสมควร แต่ยืนยันว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานในการตรวจสอบคนงานก่อนส่งไปทำงานในเกาหลีใต้นั้น ได้มีการสอบประวัติอาชญากรรมอย่างดีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากช่องว่างที่เกาหลีใต้ให้สิทธิเข้าไปอยู่ โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ ได้มีการรายงานด้วยวาจาให้นางอุไรวรรณ เทียนทอง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ อธิบดีกรมการจัดหางาน แถลงว่า จากรายงานของอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานไทยในเกาหลี (ทูตแรงงานไทย)
ทราบว่าระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม - 23 กันยายนที่ผ่านมา ทางการเกาหลีใต้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นและตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ดำเนินการกวาดล้างจับกุมแรงงานต่างชาติ บริเวณสวนสาธารณะเขตพื้นที่อานซาน เทียนกี อินชอน และดองจู ซึ่งเป็นย่านที่มีแรงงานต่างชาติมาชุมนุมกันมาก ในจำนวนนี้มีแรงงานออกมาพบปะเพื่อนฝูงและถูกจับกุมข้อหาเสพและค้ายาบ้า 111 คน อย่างไรก็ตาม แรงงานจำนวนดังกล่าวอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและคัดแยกผู้เสพ ผู้ค้ารวมถึงผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากกัน
111 แรงงานไทย ลอบค้ายา-เสพที่เกาหลีใต้ โทษถึงขั้นประหาร ทางการโสมขาวปิดชื่ออ้างอยู่ระหว่างสอบ
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวอีกว่า กระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทูตแรงงานให้ความช่วยเหลือแรงงานทั้ง 111 คนในข้อกฎหมาย
เช่น การจ้างทนายช่วยให้โทษจากหนักเป็นเบา เนื่องจากตามกฎหมายของเกาหลีใต้นั้น มีบทลงโทษรุนแรงกรณีหากพบว่าคนต่างชาติลักลอบค้ายาบ้าจะต้องรับโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต และในส่วนผู้เสพยานั้นโทษไม่รุนแรงเพียงเสียค่าปรับและถูกเนรเทศเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้นางอุไรวรรณได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทูตไทยในเกาหลีทำความเข้าใจกับนายจ้างเพื่อสร้างความมั่นใจกลับคืนมา
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้มีการตั้งทีมประชาสัมพันธ์ไปยังญาติของแรงงานให้ตักเตือนแรงงานไทยทำงานในเกาหลี หลีกเลี่ยงยาเสพติดทุกชนิด
โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 1694 และ 0-2245-6716 ในเวลาราชการ ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อของแรงงานไทยที่ถูกจับกุมกระทรวงแรงงานยังไม่ทราบว่าเป็นใครบ้างเนื่องจากเกาหลีขอให้ปิดเป็นความลับไว้เพื่อทำการสอบสวน และกระทรวงแรงงานจะประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้ช่วยอีกทาง
นายไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ทางการเกาหลีได้ส่งแรงงานไทย 4 คน โดยไม่ดำเนินคดีใดๆ เนื่องจากไม่ไว้วางใจในพฤติกรรม
และขณะนี้ยังได้รับรายงานด้วยว่า แรงงานไทยที่เดินทางเข้าไปทำงานในรัฐสลาวัก ประเทศมาเลเซีย จำนวน 200 คน ก่อเหตุนัดหยุดงานประท้วงนายจ้าง เนื่องจากไม่พอใจที่นายจ้างกดขี่ค่าแรง ไม่จัดสวัสดิการดูแล เบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่แรงงานเข้าไปดูแล และหากใครต้องการเดินทางกลับก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปรอรับที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อส่งกลับบ้านต่อไป
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล เกาหลีใต้ ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจเกาหลีใต้ว่า ได้ทำการจับกุมผู้ค้าและผู้เสพยาบ้าที่เมืองอินชอน
ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมใกล้กับสนามบินนานาชาติ อยู่ห่างจากกรุงโซลประมาณ 70 กิโลเมตร ผู้ถูกจับกุมเป็นชาวไทย 111 คน ในจำนวนนี้มีผู้ค้า 3 ราย อีก 108 รายเป็นผู้เสพ การจับกุมดังกล่าวเป็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ระหว่างวันที่ 18-23 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในระยะ 2-3 เดือน โดยก่อนหน้านี้ 2 เดือน ก็มีคนไทยที่ถูกจับในคดียาเสพติดไปแล้ว 90 กว่าราย
"ทางการเกาหลีใช้คำว่า ยาบ้า หรือ YABA ฉะนั้นตัวยานี้น่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มของคนไทย ผู้เสพยาเสพติดที่ถูกจับกุมต้องถูกส่งกลับประเทศโดยเสียค่าใช้จ่ายเองและยังถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศเกาหลีใต้ ส่วนผู้ค้ายาเสพติดจะต้องถูกดำเนินคดี ตามกฎหมายในเกาหลีใต้ก่อน จึงขอเตือนคนไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศว่าต้องมีความเข้มงวดและยับยั้งยั้งชั่งใจ อย่าไปข้องแวะยาเสพติด เพราะนอกจากต้องเสียเงินแล้ว ยังทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงและทำให้แรงงานไทยต้องเดือดร้อนไปด้วย" นายธฤตกล่าว
นายธฤตกล่าวด้วยว่า สถานทูตไทยจะติดตามเรื่องการส่งแรงงานกลับประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของผู้ค้ายาเสพติดตามกฎหมายเกาหลีคดียาเสพติดเป็นคดีร้ายแรง มีโทษคือผู้เสพจะถูกเนรเทศส่งกลับประเทศ และขึ้นบัญชีดำ ส่วนโทษของผู้ค้าขึ้นกับปริมาณและประเภทของยาเสพติด ทั้งนี้ ในปัจจุบันมี แรงงานไทยในเกาหลีใต้ราว 50,000 คน ในจำนวนนี้มีแรงงานผิดกฎหมายประมาณ 15,000 คน ซึ่งทางสำนักงานแรงงานและสถานทูตไทยก็ได้พยายามกวดขันและตักเตือนไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนิ นการตามกฎหมายเกาหลีใต้
ด้านนายพรพงศ์ กนิษฐานนท์ อัครราชฑูตที่ปรึกษาของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ซึ่งดูแลงานด้านกงสุล กล่าวว่า ในระยะหลังคดียาเสพติดในหมู่แรงงานไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงขนาดที่เกาหลีใต้เรียกว่ายาบ้า ซึ่งก็อาจจะมีมาเฟียหรือกระบวนการนอกกฎหมายในต่ างประเทศเกี่ยวพันร่วมด้วย เรื่องดังกล่าวน่าเป็นห่วงเพราะทำให้แรงงานไทยเสียภาพลักษณ์ และส่งผลต่อการส่งแรงงานไปเกาหลีซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะรัฐต่อรัฐ เสมือนทุบหม้อข้าวตัวเองทิ้ง ปกติแล้วโควต้าแรงงานไทยไปเกาหลีมีอยู่เกือบหมื่นคนต่อปี พอมีเรื่องยาเสพติดก็ทำให้ได้รับโควต้าน้อยลงโดยเฉพาะใน 1-2 ปีที่ผ่านมา
วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์และเอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ ได้จับแรงงานอพยพชาวไทย 111 คน ข้อหาค้าและเสพยาบ้า นับเป็นการจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของเกาหลีใต้เท่าที่เคยมีมา
โดยตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยว่า แรงงานไทย 3 คนทำงานอยู่ที่จังหวัดกยองจี ตอนใต้ของกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ถูกตั้งข้อหาลักลอบนำเข้าและจำหน่ายยาเสพติด ส่วนคนที่เหลือถูกจับในข้อหาเสพยาเสพติด นอกจากนี้ ยังมีแรงงานไทยอีก 4 คนที่ถูกส่งตัวกลับประเทศไทยเพราะอยู่เกินกำหนด โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ภายในเนื้อข่าวใช้คำว่า ยาบ้า (Yaba) ซึ่งเป็นคำเรียกเฉพาะในไทยเท่านั้น เพราะภาษาเรียกอย่างเป็นทาการคือ "เมธแอมเฟตามีน"