ประณามบึมปากีฯ ทูตเช็กดับสังเวย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิดพลีชีพ ที่โรงแรมแมริออท ในกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน

ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 20 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ในปากีสถานอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของปากีสถานออกมาเปิดเผยว่า พบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มก่อการร้ายอัล-เคดา และผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพที่โรงแรมแมริออท เนื่องจากวิธีการที่ใช้คล้ายคลึงกับการก่อเหตุของกลุ่มอัล-เคดาในอดีต
นอกจากนี้ วันที่ 20 ก.ย. ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่นายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายอัล-เคดา เรียกร้องประชาชนปากีสถานลุกขึ้นทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ (ญิฮาด) ต่อต้านรัฐบาล และการพลีชีพครั้งนี้เป็นสัญญาณส่งไปยัง นายอาซิ อาลี ซาดารี ประธานาธิบดีปากีสถานคนใหม่ ซึ่งประกาศจะถอนรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายในประเทศให้สิ้นซาก หลังปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน หลังจากเกิดเหตุระเบิดพลีชีพที่โรงแรมแมริออท ประธานาธิบดีซาดารีได้ประณามกลุ่มก่อเหตุว่า เป็นพวก ขี้ขลาดและเปรียบเสมือน มะเร็งร้ายที่ต้องกำจัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเพิ่มเติมว่า ผู้ก่อเหตุขับรถบรรทุกลำเลียงวัตถุระเบิดประมาณ 500-1,000 กก. มาจอดที่หน้าโรงแรม

แต่ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัย ของโรงแรมสกัดเอาไว้ได้ จึงจุดชนวนระเบิดพลีชีพซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงขนาดทำให้พื้นดินตรงจุดเกิดเหตุเป็นหลุมลึกลงไปราว 6 เมตร จากนั้นจึงเกิดเพลิงลุกไหม้ไปทั่วโรงแรม เป็นเวลานานกว่า 10 ชม. ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คน และบาดเจ็บกว่า 270 คน


หน่วยกู้ภัยในกรุงอิสลามาบัดระบุด้วยว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ติดอยู่ในห้องพักโรงแรมขณะเกิดไฟไหม้

ขณะที่บางรายเสียชีวิตเนื่องจากกระโดดลงมาจากห้องพักที่อยู่ในชั้นสูงๆ และยังไม่อาจระบุได้ว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นใครหรือมีสัญชาติอะไร เนื่องจากชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ แต่ผู้เสียชีวิตที่สามารถระบุได้เป็นชาวอังกฤษ 4 คน ชาวเยอรมัน 4 คน ชาวอเมริกัน 2 คน รวมถึงชาวเดนมาร์ก ชาวโมร็อกโก ชาวลิเบีย ชาวเลบานอน และนายไอโว ซดาเร็ก เอกอัครราชทูตจากสาธารณรัฐเช็ก ประจำกรุงอิสลามาบัด เสียชีวิตหลังโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตได้ไม่นาน ส่วนชาวซาอุดีอาระเบียอีก 6 คน ยังหาตัวไม่พบ


ขณะที่ผู้นำประเทศต่างๆ พากันรุมประณามผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพ โดยนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าการก่อเหตุดังกล่าว เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายชาวมุสลิมหัวรุนแรง

ถือเป็นภัยคุกคามต่อเนื่องที่เกิดขึ้นกับชาวปากีสถานตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา และระบุว่าการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายเช่นนี้คือเหตุผลที่สหรัฐฯต้องประกาศสงคราม หลังเกิดเหตุการณ์ วินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเมื่อ 11 ก.ย.2544 และนายซาดารี ผู้นำปากีสถานมีกำหนดการเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเข้าพบประธานาธิบดีบุชในวันที่ 28 ก.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ตัวแทนรัฐบาลรัสเซีย แคนาดา ซาอุดีอาระเบีย และเดนมาร์ก ออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มก่อการร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ส่วนนายสตีเฟน สมิธ รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า รัฐบาลออสเตรเลียพร้อมให้ความช่วยเหลือรัฐบาลปากีสถานต่อสู้กลุ่มก่อการร้ายอย่างเต็มที่ ขณะนี้กองทัพออสเตรเลียมีนายทหารกว่า 1,000 คน ประจำการอยู่ที่ชายแดนฝั่งอัฟกานิสถานติดกับเมืองบาจอร์ของปากีสถาน เพื่อตรึงกำลังรักษาความสงบในบริเวณดังกล่าว หลังมีรายงานว่าเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มก่อการร้ายตาลีบัน

ส่วนนายบัน กี-มูน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า การก่อเหตุครั้งนี้
โหด เหี้ยมที่สุด
และประณามว่าการโจมตีพลเรือนเป็นเรื่องไร้เหตุผล

จากนั้นนายบันได้แสดงความเสียใจต่อสมาชิกครอบครัวผู้เสียชีวิต ขณะที่นายเอ็กเมเลดดิน อิซาโนกลู เลขาธิการองค์กรการประชุมโลกอิสลาม (โอไอซี) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า ผู้เกี่ยวพันกับการก่อเหตุระเบิดพลีชีพที่โรงแรมแมริออทเป็นศัตรูของผู้รักสันติภาพ และเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกับคำสอนของศาสนาอิสลาม พร้อมกันนี้นายอิซาโนกลูได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันต่อต้านการก่อการร้ายในทุกวิถีทางด้วย

ด้านนายอีวาน โคลแมน ชาวสหรัฐฯ นักวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้าย วิเคราะห์สถานการณ์ผ่านสำนักข่าวเอพี ระบุการก่อเหตุระเบิดพลีชีพครั้งนี้ เกิดจากความเชื่อว่าโรงแรมแมริออท เป็นสัญลักษณ์ของโลกตะวันตก


เพราะเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของนักการเมือง นักธุรกิจ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และปัญญาชนชาวปากีสถาน ซึ่งมีแนวคิดแตกต่างจากค่านิยมดั้งเดิมของศาสนาอิสลาม ทั้งยังเป็นกิจการโรงแรมที่ขยายสาขามาจากสหรัฐฯ ด้วย แต่นายโคลแมนมองว่า การโจมตีโรงแรมแมริออท ยิ่งทำให้องค์กรระหว่างประเทศและชาวต่างชาติเดินทางมายังปากีสถานอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อระดมความช่วยเหลือแก่พลเรือนผู้ได้รับผลกระทบ

ส่วนนายนาจาม เซที บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดลี่ ไทม์ส ของปากีสถาน ตีพิมพ์บทบรรณาธิการเมื่อ 21 ก.ย.โดยเปรียบเทียบเหตุระเบิดพลีชีพ ที่โรงแรมแมริออทกับเหตุการณ์วินาศกรรม 911 ที่ตึกเวิลด์เทรด


โดยระบุว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวปากีสถาน
ทางด้านนายบิล แมริออท ผู้บริหารโรงแรม แมริออทของสหรัฐฯ กล่าวว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงแรม ซึ่งเป็นชาวปากีสถาน เสียชีวิตขณะที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องแขกเหรื่อและปกป้องชื่อเสียงของโรงแรม บริษัทเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องสูญเสียบุคลากรเหล่านั้นไป

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์