ส่วนผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายที่ตำรวจทราบว่า
ถูกยิงหน้าร้านเย็บผ้าโหล เลขที่ 268 ห่างจากร้านเสริมสวยที่เกิดเหตุไป 50 เมตร จึงตามไปตรวจสอบพบเพียงกองเลือด และรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทพ 469 กรุงเทพมหานคร ของผู้ตายจอดอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุขาภิบาล 3 ทราบชื่อต่อมาคือนางลิศรา เปสะนันทน์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านเย็บผ้าโหลดังกล่าว มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าท้องจำนวน 1 นัด อาการเป็นตายเท่ากัน
ฝ่ายสืบสวนได้ออกหาข่าวจากผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเดินทางมาที่ร้านเสื้อโหลเพื่อรับงานไปส่ง แล้วนางลิศรากำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านเย็บผ้าโหลดังกล่าว จากนั้นนายอัศนี เปสะนันทน์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 301/555 หมู่บ้านกิตตินิเวศน์ ซอยรามคำแหง 68 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน ท้องที่ สน.โคกคราม และเป็นสามีของนางลิศรา ก็ได้เข้ามาในร้านแล้วทะเลาะวิวาทกับภรรยาอย่างรุนแรง โดยคนร้ายตบหน้านางลิศราที่บริเวณหน้าร้าน ผู้ตายเห็นเป็นเรื่องผัวเมียทะเลาะกันจึงยืนอยู่ห่างๆ แต่นายอัศนีเกิดเครียดจัดใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงใส่
นางลิศราจนได้รับบาดเจ็บ ผู้ตายตกใจวิ่งหนี นายอัศนีฝังใจว่า
ผู้ตายมายุ่งกับภรรยาตนจึงวิ่งตามยิง 1 นัด จากนั้นผู้ตายได้วิ่งหนีจากหน้าร้านเย็บผ้ามาเรียกวิน จยย.รับจ้างบริเวณหน้าร้านเสริมสวยที่เกิดเหตุเพื่อหนี แต่ก็ถูกนายอัศนีวิ่งตามมายิงซ้ำที่ด้านหลังอีก 1 นัด ผู้ตายจึงวิ่งเข้าไปขอหลบในร้านเสริมสวยจนกระทั่งทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนนายอัศนีก็วิ่งหลบหนีไปทันที
ด้าน พ.ต.ต.พิพัฒน์กล่าวว่า
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า นายอัศนีกับนางลิศรามีเรื่องทะเลาะกันมาช้านานจนฝ่ายหญิงฟ้องหย่าอยู่ในขณะนี้ จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุนายอัศนีได้ตามมาที่ร้านเย็บผ้าดังกล่าวและพบนายอฏิพัฒน์ ซึ่งเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ที่ภรรยาตัวเองว่าจ้างให้ไปส่งผ้าโหลเป็นประจำนั่งอยู่ในร้าน จึงทำให้เข้าใจผิดว่านายอฏิพัฒน์กับนางลิศราลักลอบคบหากัน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเองถูกฟ้องหย่า จนนายอัศนีใช้อาวุธปืนยิงใส่ภรรยาตัวเองจนได้รับบาดเจ็บ และตามมายิงนายอฏิพัฒน์จนเสียชีวิต ส่วนปืนที่ยิงคาดจะเป็นลูกโม่ .38 ตำรวจกำลังติดตามตัวคนร้ายมารับโทษต่อไป