เล็งปิดโรงงานน้ำมันพืชมรกตทิ้งน้ำเสียลงเจ้าพระยา

ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ สั่งโรงงานน้ำมันพืชมรกตหยุดสูบน้ำเสียลงเจ้าพระยา พร้อมให้ถอดเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 4 เครื่อง หลังเข้าตรวจสอบพบน้ำเสียไม่ผ่านขบวนการบำบัด ชาวบ้านทนทรมานมานานนับปี ยืนยันหากเพิกเฉยสั่งปิดโรงงาน

หลังจากประชาชนในพื้นที่หมู่ 2 ต.สำโรงกลาง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ร้องเรียนว่า โรงงานผลิตน้ำมันพืชปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 กันยายน นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันนำหมายศาลจังหวัดสมุทรปราการเข้าตรวจสอบภายในบริเวณบริษัท มรกต อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 36/1 หมู่ 2 ต.สำโรงกลาง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

 จากการตรวจสอบภายในโรงงานดังกล่าว พบว่าเป็นโรงงานผลิตน้ำมันพืชขนาดใหญ่ที่มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณด้านหลังโรงงานพบเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานเครื่องยนต์และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 4 เครื่อง ติดตั้งอยู่ข้างกำแพง ต่อท่อสูบน้ำเสียจากบ่อพักภายในโรงงานออกไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำให้ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

 อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวอ้างว่าติดตั้งเครื่องสูบน้ำเอาไว้เพื่อสูบน้ำฝนที่ตกลงมาท่วมขังภายในโรงงานเท่านั้น

 แต่จากการตรวจสอบพบว่า เครื่องสูบน้ำทั้ง 4 เครื่องดังกล่าว มีการต่อท่อสูบน้ำจากบ่อน้ำเสียที่ไม่ผ่านกระบวนการบำบัดทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านและทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

 เบื้องต้น ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ สั่งให้ผู้บริหารโรงงานดังกล่าวถอดเครื่องสูบน้ำทั้ง 4 เครื่องออก โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเย็นของวันที่ 19 กันยายน หากดำเนินการไม่แล้วเสร็จจะสั่งปิดกิจการ เพื่อรื้อเครื่องสูบน้ำทั้ง 4 เครื่องออก และปิดท่อระบายน้ำโดยใช้ปูนโบกทับ และปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

 ส่วนปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ สั่งการให้ทางโรงงานเร่งดำเนินการติดตั้งระบบบำบัดกลิ่นให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังสั่งให้ผู้จัดการโรงงานดังกล่าวเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป หากยังเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะสั่งปิดกิจการถาวรโดยอาศัยอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ