ภายหลังจากที่ศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ ตัดสินจำคุกนายสมชาย เข็มกลัด หรือ “เต๋า สมชาย” พระเอกมาดกวน
ในคดีทำร้ายร่างกายหนุ่มช็อปเปอร์ จำคุก 6 เดือน ปรับ 4 พันบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิด ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3 เดือน ปรับ 2 พันบาท และให้รอลงอาญา 1 ปี พร้อมให้บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวม 4 ครั้ง ภายใน 1 ปีนั้น ล่าสุดพระเอกมาดกวนยังไม่พ้นวิบากกรรม เมื่อพี่สาวหนุ่มช็อปเปอร์คู่กรณีเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก โดยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ได้มี น.ส.บุษรา อินต๊ะปัญญา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92/55 หมู่ 5 ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เป็นพี่สาวของนายเฉลิมชัย แสงสุวรรณ อายุ 24 ปีคู่กรณี “เต๋า สมชาย” เดินทางมาพบกับนายศักดิ์ชัย พันรอด สำนักงานกฎหมายไทย ถนนโชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อเตรียมดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก “เต๋า สมชาย”
น.ส.บุษรากล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องต้องเก็บตัวเงียบมาโดยตลอดไม่กล้าออกไปไหนเพราะเกิดความอับอายสังคม
เมื่อทราบว่าศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ตัดสินคดีนี้ไปแล้วก็น้อมรับในคำตัดสินของศาล แต่มาติดใจตรงที่ว่าหลังจากเกิดเหตุเป็นต้นมา “เต๋า สมชาย” ไม่เคยติดต่อมาขอโทษแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมกันนี้ น.ส.บุษรายังเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า คืนเกิดเหตุขณะนั่งอยู่ในรถเก๋งกับเพื่อน “เต๋า สมชาย” กับพวกเข้ามาดึงประตูรถพร้อมกระชากคอเสื้อลงไปรุมทำร้ายสะบักสะบอมทั้งที่รู้ว่าเป็นผู้หญิง จึงเข้าแจ้งความไว้กับ พ.ต.ต. วิสูตร วงค์ใหญ่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาทางผู้ใหญ่เรียกนายเฉลิมชัย น้องชาย ไปตกลงกับ “เต๋า สมชาย” ว่าจะไม่ติดใจเอาความกันและพากันไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จับไม้จับมือให้นักข่าวถ่ายภาพไว้ แต่ตนไม่ได้ไปด้วย และก็ไม่เคยไปเซ็นยอมความแต่อย่างใด
ทาง “เต๋า สมชาย” เองก็ไม่เคยมาขอโทษทั้งๆที่เป็นคนลากลงจากรถไปทำร้าย
การที่มาพบกับทนายความครั้งนี้เพื่อต้องการคุยกับ “เต๋า สมชาย” ว่าอยากให้มาขอโทษ เราไม่ได้ต้องการเงินและไม่อยากดัง แต่อยากจะปกป้องศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงที่ถูกทำร้าย หลังเกิดเรื่องมีหนังสือพิมพ์และสื่ออินเตอร์เน็ตนำข้อความไปโพสต์ใส่ร้ายได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และที่คับแค้นใจที่สุดตอนที่ถูก “เต๋า สมชาย” ตะโกนให้ของลับไม่นึกว่าเขาจะหยาบคายกับผู้หญิงอย่างนี้
ทางนายศักดิ์ชัย พันรอด ทนายความเปิดเผยว่า เรื่องนี้ น.ส.บุษราได้โทรศัพท์มาปรึกษาบ้างแล้ว ใจจริงไม่อยากให้ฟ้องร้องเพราะเห็นว่า “เต๋า สมชาย” เขา ก็เป็นลูกผู้ชายพอ อยากจะเรียกให้มาคุยกันดูก่อน
เพราะหลังจากเกิดเรื่องแล้ว น.ส.บุษราไม่เคยได้พูดคุยหรือได้รับคำขอโทษจาก “เต๋า สมชาย” เลยแม้แต่ครั้งเดียว ขั้นตอนต่อไปหาก “เต๋า สมชาย” ไม่ติดต่อมาก็จะส่งหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปให้ทราบ และคงจะได้พึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาลในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งให้กับผู้เสียหาย ส่วนจะเรียกร้องเอาเท่าไหร่นั้นต้องขอปรึกษากันดูก่อน แต่น่าจะไม่เกิน 1 แสนบาท แต่หาก “เต๋า สมชาย” ติดต่อกลับมาก็ให้คู่กรณีได้นัดคุยกันในที่ลับๆเพื่อตกลงปรับความเข้าใจกัน แต่ตอนนี้ต้องรอฟังจากฝ่ายทนายความของคู่กรณีก่อน ถ้าคุยกันได้ก็โอเคคงไม่ต้องฟ้องร้องกันหรอก อย่างไรก็ตามภายหลังให้สัมภาษณ์นายศักดิ์ชัยได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้ นายรัฐพล พุดรอด ทนายความของ “เต๋า สมชาย” ทราบว่าคู่กรณีต้องการพูดคุยกับ “เต๋า สมชาย” แบบไม่เปิดเผยเพื่อยุติข้อบาดหมาง โดยทางนายรัฐพลรับปากว่าจะพูดคุยกับ “เต๋า สมชาย” ก่อนแล้วจะแจ้งกลับไปให้ทราบอีกที
ด้าน พ.ต.ต.วิสูตร วงค์ใหญ่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า คดีนี้แยกเป็น 2 สำนวน
ถึงแม้ว่าคู่กรณีทั้งสองจะไม่ติดใจเอาเรื่องกัน แต่เป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความกันได้ เรื่องที่ “เต๋า สมชาย” เป็นฝ่ายจำเลย ศาลแขวงก็ตัดสินแล้ว ส่วนคดีที่ “เต๋า สมชาย” เป็นโจทก์ แจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีพยายามฆ่า พนักงานสอบสวนได้สั่งไม่ฟ้องในชั้นสอบสวนไปแล้ว แต่ก็ได้ส่งสำนวนให้ทางอัยการเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ตอนนี้รอทางอัยการพิจารณา ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งได้ไปดักรอถ่ายภาพทำข่าว “เต๋า สมชาย” ที่จะต้องเดินทางไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ ถนนท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่ง “เต๋า สมชาย” จะต้องมารายตัวภายใน 7 วัน หลังถูกคำพิพากษา แต่ยังไม่มีวี่แววการมาปรากฏตัวของ “เต๋า สมชาย” แต่อย่างใด