เอพีรายงานว่า เมื่อ 11 ก.ย. ตำรวจอิสราเอลพบกระเป๋าเดินทางใส่ศพที่เชื่อว่าเป็นเด็กหญิงโรส พีซอง ชาวฝรั่งเศสวัย 4 ขวบ ที่หายสาบสูญตั้งแต่เดือนพ.ค. และเป็นข่าวใหญ่มานานนับเดือน โดยปู่ต้องสงสัยเป็นฆาตกร เพราะพิษรักสามเส้าในครอบครัว
เอวี เนาแมน ผู้บัญชาการตำรวจของเทลอาวีฟ กล่าวว่า ตำรวจพบกระเป๋าที่บรรจุชิ้นส่วนมนุษย์ในแม่น้ำที่นครเทลอาวีฟ โดยในช่วงที่เปิดกระเป๋าออก มีกลิ่นที่รุนแรงมาก
ภายในเป็นกะโหลกและกระดูกขนาดเล็ก ทีมสอบสวนจึงส่งให้แผนกนิติเวชตรวจสอบดีเอ็นเอ เรื่องราวของด.ญ.โรสเป็นข่าวหน้าหนึ่งของอิสรา เอลมาหลายสัปดาห์ พร้อมกับการเปิดเผยเรื่องราวรักสามเส้าที่เป็นต้นเหตุของคดีฆาตกรรมครั้งนี้ เริ่มจากเรื่องที่นางมารี-ชาร์ล็อต เรอโนต์ พีซอง วัย 23 ปี แต่งงานกับนายเบนจามิน พีซอง มีลูกคือด.ญ.โรส เมื่อปี 2546 พร้อมลูกสาวอีก 2 คน จากนั้นเมื่อทั้งสองเดินทางไปเยี่ยมนายโรนี่ รอน วัย 45 ปี พ่อสามี นางเรอโนต์กับนายรอนกลับตกหลุมรักกัน นายเบนจามินโกรธมากและพาด.ญ.โรสกลับฝรั่งเศส แต่นาง เรอโนต์สงสัยว่า สามีจะทำร้ายลูกจึงไปพาด.ญ.โรสมาอยู่อิสราเอล เด็กหายไปในเดือนพ.ค. แต่ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งแม่ของนายรอนเขียนจดหมายไปถึงองค์กรด้านสังคมให้ช่วยตามหา
หนึ่งเดือนต่อมา เรื่องจึงมาถึงตำรวจและได้พบว่า เด็กหญิงตกเป็นเหยื่อของการวิวาทของพ่อและแม่
ทั้งถูกทำร้ายและถูกทอดทิ้งโดยคนทั้งสอง นายรอนให้การกับตำรวจในตอนแรกว่า สังหารเด็กหญิงเพื่อบันดาลโทสะ จากนั้นใส่ศพลงกระเป๋าไปทิ้งแม่น้ำยาร์คอน แต่ต่อมาบอกว่าขายเด็กให้กับชาวปาเลสไตน์ กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ นายรอนกลับคำให้การว่า สารภาพไปอย่างนั้นเพราะถูกบีบบังคับ ในคำให้การที่ตำรวจบันทึกไว้ นายรอนกล่าวถึงขั้นตอนทิ้งศพว่า "ผมไปจอดรถใกล้ทางเดิน เปิดกระโปรงรถแล้วก็ดึงกระเป๋าออกมา เมื่อไปถึงริมฝั่งแม่น้ำ ผมก็โยนลงไป เธอตายแล้ว ผมฆ่าเธอเอง ผมมองน้ำค่อยๆ ซึมเข้าไปและกระเป๋าก็ค่อยๆ จมลง"
ด้านนางมารี ให้การว่า ไม่มีส่วนในการหายตัวไปของลูกสาว คิดว่านายรอนไปส่งลูกที่โรงเรียนในฝรั่งเศส แต่ตำรวจมีหลักฐานการสนทนาทางโทรศัพท์ว่า นางมารีรู้ชะตากรรมของลูกสาว จึงจับกุมทั้งนายรอนและนางมารีในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีนี้