ล่ารองผอ. ซี8 จ้างขับรถทับกิ๊ก - ท้อง 2 เดือน

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 28 ส.ค.  ร.ต.ท.สฐิรพงษ์ ไชยชาญสกุล พนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับแจ้งมีผู้หญิงบาดเจ็บสาหัสจากการโดดลงจากรถกระบะ นอนอยู่กลางถนน

บริเวณสามแยกทางเลี้ยวเข้านิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ใกล้สะพานต่างระดับแหลมฉบัง หมู่ 3 ต.ทุ่งสุขลา ไปสอบสวนที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.รัฏฐ ประทุมแก้ว รอง ผกก. (สส.) พ.ต.ต.ปรีชา เรืองศรี สวป. พ.ต.ต.ประณต เพียรบุปผา สว.สส. และหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชาพบ น.ส.ณัฐรภาหรือวันเพ็ญ บุญอภัย อายุ 27 ปี ชาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ทำงานเป็นพนักงานฝ่ายผลิต บริษัทบลูโรเวอร์ริทัช (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นอนสลบอยู่กลางถนน มีบาดแผลที่ศีรษะ ใบหน้า ลำตัว ลำคอและขาข้างซ้าย เลือดเปรอะใบหน้า เสื้อและกางเกง หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปรีบปฐมพยาบาลก่อนนำร่างโชกเลือดส่ง รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อย่างเร่งด่วน ห่างกันราว 200 เมตร ใต้สะพานต่างระดับพบรถ จยย.ฮอนด้า ทะเบียน กวง 491 อุดรธานี ล้มอยู่ริมถนน

จากนั้นได้ตามไปสอบปากคำ น.ส.ณัฐรภา ที่โรงพยาบาลหลังฟื้นจากสลบ

โดยให้การพอจับใจความได้ว่า ถูกนายปราโมทย์ ฝ่ายคำตา อายุ 46 ปี ข้าราชการระดับ 8 รอง ผอ.สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 กับลูกน้องอีก 1 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกายทั้งเตะ กระทืบที่ท้องและใช้ไม้ตีที่ศีรษะจนบาดเจ็บสาหัสจนต้องแกล้งตาย จากนั้น ทั้ง 2 ช่วยกันอุ้มขึ้นรถกระบะสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนเพื่อนำไปทิ้ง กระทั่งถึงที่เกิดเหตุรถชะลอเลยรีบโดดลงจากรถเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนสัญจรผ่านมา

น.ส.ณัฐรภาให้รายละเอียดถึงชนวนเหตุเฉียดตายครั้งนี้ว่า คบหากับนายปราโมทย์มาประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ อยู่ จ.อุดรธานี

กระทั่งได้ย้ายมาทำงานที่แหลมฉบัง นายปราโมทย์ก็ไปมาหาสู่เป็นประจำ ภายหลังตนตั้งท้องได้ 2 เดือน ได้โทร.ไปบอกให้ทราบ แต่นายปราโมทย์กลับสั่งให้ไปทำแท้ง และรีบเดินทางมาหาพร้อมกับลูกน้องซึ่งเป็นคนขับรถ โดยนัดพบกันที่หน้าร้านอาหารโรงแป้ง ถนนสุขุมวิท ขาเข้าพัทยาแต่ตกลงกันไม่ได้เรื่องเงินที่จะให้ไปทำแท้ง โดยตนขอ 100,000 บาท และเลิกยุ่งเกี่ยวต่อกันแต่นายปราโมทย์ต่อรองเหลือ 50,000 บาท เลยตกลงกันไม่ได้

จากนั้นนายปราโมทย์ได้พาซ้อน จยย.ของตนไป ตกลงกันอีกครั้ง ที่สวนสาธารณะเทศบาลตำบลแหลมฉบัง หน้าโรงพักแหลมฉบัง

โดยลูกน้องรออยู่ในรถ พอวิ่งมาถึงช่วงโค้งบริเวณใต้สะพานต่างระดับแหลมฉบังซึ่งเป็น ที่มืดและเปลี่ยว นายปราโมทย์ได้จอด จยย.แล้วยืม มือถือของตน โทร.พูดกับลูกน้อง เสร็จแล้วทำทีไปยืนถ่ายปัสสาวะริมถนน สักพักลูกน้องได้ขับรถกระบะพุ่งชนตนขณะยืนอยู่ข้างรถ จยย.ทั้ง จยย.ทั้งตนกระเด็นไป คนละทิศละทาง จังหวะนอนเจ็บอยู่นั้น ปรากฏว่าทั้งนายปราโมทย์กับลูกน้อง พากันรุมทำร้ายทั้งเตะ กระทืบและใช้ไม้ตีอย่างแรง เห็นท่าไม่ดีเลยแกล้งทำเป็นตาย จากนั้น ทั้งคู่ได้อุ้มใส่ท้ายรถกระบะจะนำไปทิ้งแต่โดดหนีลงเสียก่อน ส่วนนายประโมทย์กับลูกน้องขับรถหลบหนีไป

ภายหลังการสอบสวนและมีหลักฐานเพียงพอ ทางพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนสอบสวนเสนอศาลจังหวัดพัทยา ขออนุมัติหมายจับและศาลได้ออกหมายจับเลขที่ 1618/2551 นายปราโมทย์ ฝ่ายคำตา

ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยกระทำการทารุณโหดร้าย ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงทางโทรศัพท์จากนายปราโมทย์ ฝ่ายคำตา และพูดเพียงสั้นๆว่า ขอไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ เพราะกำลังมืดแปดด้าน แต่ยืนยันว่าไม่รู้จักกับ น.ส.ณัฐรภา บุญอภัย ผู้กล่าวหาและได้ชี้แจงกับผู้บังคับบัญชาแล้ว ส่วนนายอนุพงษ์ หมวดเมือง รักษาการ ผอ.สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 ในฐานะผู้บังคับบัญชา กล่าวว่า ได้โทรศัพท์สอบถามกับนายปราโมทย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการลาหยุดได้รับการยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง พร้อมถามกลับว่าควรทำอย่างไร จึงแนะนำไปว่าต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการ 

นายอนุพงษ์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องนี้เช่นกัน

ล่าสุดได้ทำรายงานข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้กับคุณหญิงกษมาไปแล้ว ในส่วนการดำเนินการทางวินัยยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กรณีเป็นคดีอาญาหากผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่านายปราโมทย์ มีส่วนเกี่ยวข้องจริง ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนวินัยต่อไป อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่านายปราโมทย์จะก่อเหตุดังกล่าว อีกทั้งบุคลิกนายปราโมทย์ก็เป็นคนสุภาพมาก พูดจาดี นิ่มนวล เป็นที่รักของเจ้าหน้าที่ทุกคน ส่วนชีวิตครอบครัวนั้นตนทราบเพียงว่านายปราโมทย์เคยหย่าร้างมานานแล้ว และแต่งงานกับภรรยาคนปัจจุบันมานานกว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งภรรยาคนดังกล่าวก็ทำงานอยู่ที่เดียวกัน