โจรบุกจี้ชิงทรัพย์เศรษฐินี ภรรยาชาวต่างชาติ ในบ้านทรงไทยหรูกลางเมืองพัทยา มีดจี้จับมัดมือ-เท้า ผ้าปิดปาก ก่อนขนทรัพย์สินร่วมแสนบาทเผ่นหนีลอยนวล
เหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์เศรษฐินีในบ้านทรงไทยหรูกลางเมืองพัทยา เปิดเผยเมื่อเวลา 02.45 น. วันที่ 19 สิงหาคม ร.ต.ท.อนิวรรต ธิชาญ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุจี้ชิงทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 456/72 หมู่ 10 ซอยพระตำหนัก 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่วิทยาการ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทรงไทยหรูสูง 2 ชั้น เนื้อที่ 114 ตารางวา มูลค่า 30 ล้านบาท
ตรวจสอบช่วงบันไดทางขึ้นมีร่องรอยการต่อสู้จนถึงห้องนอนชั้น 2 ตู้เสื้อผ้าถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่พบ น.ส.จุฑาฑิพ แจ่มใจ อายุ 42 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 3 ต.ระเวียง กิ่ง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย บ้าน, คอนโด ของบริษัท ซีวิว บูติค จำกัด เจ้าของบ้าน ยืนรอให้การในสภาพตกใจกลัว ตามข้อมือ ข้อเท้า มีร่องรอยถูกมัดด้วยเชือกเป็นจุดแดงก่ำ และยังพบเชือกไนลอนสีขาวยาวประมาณ 1 เมตร 2 เส้น ผ้าขนหนูสีแดง 1 ผืน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.จุฑาฑิพเล่าว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของสามีชาวไอร์แลนด์ ซึ่งสร้างไว้เพื่อขาย ปกติจะไม่มีใครพักอาศัยอยู่
ตนเพิ่งมาพักได้เพียง 2 วัน ก่อนเกิดเหตุขณะที่นอนพักอยู่บนห้องนอนชั้น 2 จากนั้นได้ยินเสียงคนเปิดประตูด้านล่าง จึงลุกขึ้นมาดูพบคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น อายุประมาณ 20-23 ปี รูปร่างผอม ไว้ผมสั้นเกรียน ผิวดำแดง ยืนอยู่ที่ประตูภายในตัวบ้าน ในมือถือมีด น.ส.จุฑาฑิพกล่าวว่า เมื่อคนร้ายเห็นตนจึงวิ่งเข้ามาประชิดตัวช่วงบันไดทางขึ้น แล้วใช้มีดจี้บังคับห้ามไม่ให้ส่งเสียง แต่ตนขัดขืนจนมีการต่อสู้กันนานประมาณ 2 นาที สุดท้ายสู้แรงคนร้ายไม่ไหวจึงยอม ก่อนคนร้ายใช้มีดจี้บังคับไปที่ห้องนอน จับกดนอนบนเตียง ใช้เชือกไนลอนสีขาวมัดมือไพล่หลัง มัดข้อเท้า ใช้ผ้าขนหนูสีแดงมัดปากไม่ให้ส่งเสียง
จากนั้นคนร้ายก็เริ่มลงมือค้นทรัพย์สินภายในห้องนอน แล้วขนเอาเงินสด 2.5 หมื่นบาท แหวนเพชร 1 วง กล้องดิจิทัลยี่ห้อโอลิมปัส 1 กล้อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนบาท หลบหนีออกจากบ้านไปทันที
ตนพยายามแก้เชือกจนหลุด ก่อนจะตะโกนเรียก รปภ.ให้มาช่วยเหลือ แล้วจึงแจ้งตำรวจให้ทราบดังกล่าว ร.ต.ท.อนิวรรตกล่าวว่า เบื้องต้นได้ร่วมกับตำรวจฝ่ายสืบสวนและตำรวจวิทยาการ ตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด จากนั้นจึงเชิญตัวผู้เสียหายและพยานไม่สอบปากคำ ส่วนคนร้ายจากการสันนิษฐานเชื่อว่าเป็นคนในละแวกดังกล่าว หรือคนใกล้ตัว โดยมีการวางแผนก่อเหตุมาเป็นอย่างดี ซึ่งตำรวจจะเร่งสืบสวนสอบสวนหาข่าวติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป