โจรขอนแก่นจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน 1 ปี จี้ร้านทอง-แบงก์ 5 ราย

จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน โจรขอนแก่นลงมือจี้ร้านทอง-ธนาคาร ปีเดียว 5 ราย ได้เงินสด 12.6 ล้านบาท ทองคำหนัก 206 บาท ตำรวจถึงทางตัน ไม่มีหลักฐาน-พยานสาวถึงตัว


ย้อนรอยคดีชิงทรัพย์ร้านทอง-ธนาคารใน จ.ขอนแก่น รอบปีเกิดแล้ว 5 ราย รวมทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปเป็นเงินสด 12.6 ล้านบาท ทองคำน้ำหนัก 206 บาท 
ทุกรายใช้เวลาปฏิบัติการไม่ถึง5 นาที ! น่าแปลกที่ทุกคดีก้าวคืบไปแบบช้าๆอย่างดีที่สุดก็แค่ออกภาพเสก็ตช์คนร้าย แต่ไม่มีแม้รายเดียวที่จะได้ชื่อ-นามสกุลของคนร้าย


บ่ายวันที่6 พฤษภาคม 2550 ห้างทองกาญจนาภิเษก สาขากลางเมือง เลขที่ 163/5-6 เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นร้านที่ตำรวจเพิ่งใช้ซ้อมแผน "ชิงทอง" ไปไม่นาน พอถึงเวลาจริง...กลับคว้าน้ำเหลว


ชายอายุประมาณ35-40 ปี สวมหมวกกันน็อก เสื้อยีนสีฟ้า กางเกงยีนสีดำ สะพายกระเป๋าสีเลือดหมูตัดขาว มีเลข 23 ติดอยู่ เดินเข้าไปใช้ปืนจี้พนักงานกวาดทองไปได้น้ำหนัก 200 บาท ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 125 ซีซี สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไปแบบง่ายๆ 
หลังเหตุการณ์ชิงทองครั้งอุกอาจที่สุดในขอนแก่นดูเหมือนจะมีความตื่นตัวในการรักษาความปลอดภัย มีการเพิ่มกำลังสายตรวจ ประชาสัมพันธ์ให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ตรวจสอบสัญญาณเตือนภัย เปลี่ยนจากใช้หมุดเป็นตะขอแขวนทอง ติดตั้งระบบล็อกกระจกตู้โชว์ บางร้านลงทุนทำลูกกรงระหว่างคนซื้อและคนขาย ที่เป็นข่าวใหญ่โต คือให้เจ้าของร้านพกปืนได้ จนเกิดกระแส "ซ้อ-เจ๊-เฮีย" ไปซ้อมยิงปืนกันอย่างคึกคัก


ดูเหมือนการตื่นตัวจะได้ผลเพียงระยะหนึ่งเท่านั้นหลังปีใหม่ไม่กี่วัน  9 มกราคม 2551 คราวนี้เป้าหมายเป็นธนาคารที่เกิดเหตุมีผู้คนพลุกพล่าน เป็นเวลากลางวันและเป็นจุดชุมชนสำคัญแห่งหนึ่ง


ธนาคารกสิกรไทยสาขาย่อยถนนศรีจันทร์ ตั้งอยู่ตรงข้าม รพ.ศูนย์ขอนแก่น ด้านหน้าธนาคารมีแม่ค้าวางของขายแบกับดิน ด้านข้างเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายยา และร้านสะดวกซื้อ
คนร้ายจอดรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีเหลืองดำ ไม่ติดทะเบียนไว้ใกล้ธนาคาร สวมหมวกไหมพรมสีดำ เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์สีดำ เดินตรงดิ่งไปเปิดประตูชักปืนสั้นกราดไปมา โยนถุงดำให้พนักงาน ก่อนเปลี่ยนใจคว้าเงินที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ 521,000 บาท ใส่ถุง-เดินออกไป ผ่านแม่ค้าที่ยังนั่งขายของโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังประตูกระจกใสนั่น ! ห้าแสนบาทกับปฏิบัติการ40 วินาที ไม่มีคำพูดหลุดออกมาแม้แต่คำเดียว และไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่ชำรุด คนร้ายจึงลอยนวล 


ห่างมาอีกเพียง4 เดือน 7 พฤษภาคม 2551 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนมะลิวัลย์ ที่มีผู้คนพลุกพล่าน 

ชายอายุประมาณ 25-35 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สวมหมวกไหมพรมสีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดสีเลือดหมูมีเสื้อคลุมสีน้ำเงินทับ รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงิน หัวรองเท้าสีขาว สะพายกระเป๋าสีดำเดินขึ้นบันไดหน้า ชักปืนพกสั้นจี้พนักงาน ก่อนเดินอ้อมไปหยิบเงิน 120,000 บาทในลิ้นชักใส่กระเป๋าวิ่งหนีไปขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีเทาดำ ไม่มีทะเบียน ย้อนศรไปทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น 


แม้ว่าครั้งนี้ธนาคารจะมีกล้องวงจรปิดแต่คนร้ายก็ตั้งใจหลบมุมกล้องไปได้ และยังเลือกปฏิบัติการในช่วงที่ รปภ.ไปกินข้าวมื้อเที่ยง 


สามเหตุการณ์ผ่านไปแนวทางการสืบสวนไม่คืบหน้าตำรวจไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงของพฤติกรรมคนร้ายทั้ง 3 คดีได้ และแล้วก็เกิดเหตุขึ้นซ้ำอีก หลังทิ้งช่วงไป 2 เดือน วันที่ 12 กรกฎาคม 2551 คราวนี้ดุเดือดขึ้น มีการทำร้ายพนักงานขนเงินบริษัทแซมโก้ และ รปภ.ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสี่แยกมะลิวัลย์ ที่สำคัญเป็นการชิงเงินในวันเสาร์ วันที่ธนาคารหยุดทำการ แต่มีการขนย้ายเงินจากห้างค้าปลีกต่างๆ มาเก็บไว้ที่ธนาคาร 


คนร้ายที่เลือกปฏิบัติการในวันเวลาเช่นนี้ย่อมต้องมีข้อมูลมาอย่างดี แค่ 5 นาทีกับเงิน 11.98 ล้านบาทในถุงทะเลใบใหญ่ ก็คุ้มกับการเสี่ยง ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 ย้อนศรหนีเข้าไปในหมู่บ้านหลังธนาคาร


"เกลือเป็นหนอน" เป็นร่องรอยเดียวที่ตำรวจฟันธง !!!


ตำรวจภาค4-ภูธรจังหวัด-สภ.เมือง หรือแม้แต่ตำรวจจากกองปราบปรามที่ลงพื้นที่ร่วมสืบสวน สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
ล่าสุด2 สิงหาคม 2551 คราวนี้แค่วิ่งราวทอง ชายอายุประมาณ 30 ปี ทำทีขอดูทองจากคนขายร้านทองแม่ทองพูล เขตชุมชนบ้านดอนหญ้านาง ฉวยสร้อยคอทองคำน้ำหนักรวม 6 บาท วิ่งหนีขึ้นรถจักรยานยนต์หนีเข้าซอยไป 

เหตุการณ์นี้ตำรวจถึงขั้นนำเฮลิคอปเตอร์บินวนไล่ล่าคนร้ายแต่ก็ไร้วี่แวว ที่สำคัญร้านทองแห่งนี้ติดลูกกรงไว้ป้องกันตัวเอง แต่ก็ไม่รอดจากมือมิจฉาชีพ 


"ทุกคดีขณะนี้มีหลักฐานจากลายนิ้วมือเท่านั้น ปัญหาที่พบ คือไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด ที่จะนำไปสู่รูปพรรณสันฐานได้ บางร้านไม่มีกล้องหรือมีก็เสีย บางแห่งมีภาพ แต่ไม่เห็นหน้าคนร้าย เพราะสวมหมวกอำพราง และทุกรายไม่มีพยานเห็นขณะหลบหนี ไม่มีพยานเชื่อมโยงอื่นเลย จึงทำให้คดีไม่คืบหน้า" พล.ต.ท.วุฒิวิทิตานนท์ ผบช.ภ.4กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์