คดีคนร้ายฆ่านายสมชาย แพชมัด อายุ 42 ปี อาชีพรับจำนำพระเครื่อง โดยใช้เชือกไนลอนมัดคอและขาผูกติดกับอิฐบล็อกถ่วงน้ำในบ่อดินร้าง ริมถนนสายดอนตูม-นครปฐม ท้องที่หมู่ 9 ต.ห้วยพระ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม หมกศพไว้นานนับสัปดาห์
กระทั่งมีหญิงนิรนามโทรศัพท์บอกตำรวจให้ไปค้นหาศพในจุดดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าพบศพลอยอืดโผล่ประจานความอำมหิตตามที่รับแจ้งจริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดผู้ตายถูกคนร้ายลวงมาฆ่าชิงทรัพย์ หรืออาจขัดแย้งกันในเรื่องธุรกิจบางอย่างนั้น ความคืบหน้าของคดี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในที่สุดคดีนี้ได้คลี่คลายลง หลัง น.ส.พิภัทรา หรือน้ำ แพชมัด อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/7 หมู่ 3 ต.บางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ภรรยาของผู้ตาย เข้าให้ปากคำด้วยท่าทีมีพิรุธ โดยตำรวจได้เค้นสอบปากคำอยู่นานหลายชั่วโมง น.ส.พิภัทราจึงยอมเปิดปากรับสารภาพความผิด ต่อหน้า พ.ต.อ.วรวิทย์ เหล่างาม ผกก. สภ.ดอนตูม และ ร.ต.ท.วรเทพ ปิยวัจนาภรณ์ ร้อยเวรเจ้าของคดี
เมียคบชู้ฆ่าผัว มอมยาถ่วงนํ้า
ภรรยาจอมโหดให้การรับสารภาพว่า แต่งงานอยู่กินกับนายสมชายผู้ตายมาได้ 4 ปีแล้ว มีลูกชายวัย 3 ขวบด้วยกัน 1 คน
และเพิ่งไปจดทะเบียนสมรสกันเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อและนามสกุล โดยตนมีอาชีพพนักงานขายตรงเครื่องสำอางยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองเพราะสามีมีฐานะดี ต่อมาเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มารู้จักกับนายภาสกร หรือวัต พึ่งพุ่ม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 หมู่ 4 ต.ห้วยพระ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม คบหาสนิทสนมและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง กระทั่งสามีรู้ระแคะระคายก็สั่งให้ยุติความสัมพันธ์ทันที เมื่อถูกสามีจับได้ว่าแอบปันใจให้ชายอื่น ตนและชู้รักจึงร่วมกันวางแผนกำจัดนายสมชายให้พ้นทาง เพราะเกรงสามีจะเอาเรื่องและยึดทรัพย์สมบัติคืน โดยก่อนหน้านั้น ตนแอบลงทุนขุดบ่อเลี้ยงกบให้กับนายภาสกรอยู่ใกล้บ่อดินร้างดังกล่าว จึงวางแผนจะฆ่าสามีแล้วนำศพไปทิ้งในบ่อดินร้าง เพราะมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาพบศพแน่นอน คืนเกิดเหตุเป็นช่วงหัวค่ำวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนแอบนำยานอนหลับใส่น้ำให้สามีดื่ม พอสามีมีอาการสะลึมสะลือก็พาขึ้นรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ชช 6747 กรุงเทพมหานคร ขับไปหาชู้รัก นัดหมายกันตรงทางแยกเข้าบ่อดินร้าง เมื่อถึงเวลานัด นายภาสกรขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีดำแดง ทะเบียน กยล 51 นครปฐม มาพร้อมเชือกไนลอนสีแดง 1 เส้น ไม้หน้าสาม 1 อัน และมีดปลายแหลม 1 เล่ม
จากนั้นเลี้ยวรถเข้าไปในบ่อดินร้างช่วยกันลากร่างหมดสติของสามีลงจากรถเก๋ง ครั้งแรกตั้งใจจะใช้ไม้ตีและใช้มีดแทงให้ตายก่อนนำศพถ่วงน้ำ
แต่เห็นว่าสามีถูกฤทธิ์ยานอนหลับอย่างแรงจนไม่รู้สึกตัวแล้ว จึงเปลี่ยนใจนำเชือกที่เตรียมมามัดมือมัดเท้าผูกคอสามีติดกับอิฐบล็อก จากนั้นหามร่างสามีลงถ่วงน้ำทั้งเป็น สำหรับทรัพย์สินของผู้ตายมีสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท เลสทอง 5 บาท แหวนทอง 1 วง เงินสด 1 หมื่นบาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ตนเป็นคนเก็บไว้ โดยนำกระเป๋าสตางค์และไม้หน้าสามของกลางไปเผาทิ้งที่บ้านของนายภาสกร ต่อมานำทองรูปพรรณไปจำนำที่ อ.นครชัยศรี ในราคา 3 หมื่นบาท หลังก่อเหตุแล้วหลายวันรู้สึกสำนึกผิด จึงโทรศัพท์บอกตำรวจให้ไปค้นหาศพเพื่อนำมาประกอบพิธีตามศาสนา หลังตำรวจพบศพแล้วก็แกล้งเดินทางไปดูศพสามี และให้ปากคำตามปกติแต่ก็ยังไม่คิดจะรับสารภาพ กระทั่งถูกเค้นสอบอย่างหนักจึงต้องยอมเปิดปากเล่าความจริงให้ตำรวจฟังในสิ่งที่กระทำลงไป หลังทราบรายละเอียดทั้งหมด พ.ต.อ.วรวิทย์ เหล่างาม ผกก.สภ.ดอนตูม จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ไปควบคุมตัวนายภาสกร หรือวัต พึ่งพุ่ม จากบ้านเลขที่ 177 หมู่ 4 ต.ห้วยพระ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม มาสอบปากคำทันที ครั้งแรกนายภาสกรให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำตัว น.ส.พิภัทรามาประจันหน้ากัน เมื่อรู้ว่าหนีความผิดไม่พ้น นายภาสกรถึงยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คน ไปค้นบ้านพักเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน