เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 9 ส.ค. พ.ต.ท.ชัฎ บรรทัดเที่ยง สารวัตรเวร สภ.ย่อยตำบลเสม็ด อ.เมืองชลบุรี รับแจ้งมีเด็กหญิงถูกฆ่าบริเวณปากซอยหลังวัดเขาดิน หมู่ 5 ต.ห้วยกะปิ
จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้น รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ภ.จ. ชลบุรี พ.ต.อ.ธน ยุติธรรมดำรง รอง ผบก.พ.ต.อ.อิทธิพร โพธิ์ทอง ผกก.ศสส.ภ.2 พ.ต.ท.ชาตรี สุขศิริ รอง ผกก.ศสส.ภ.2 พ.ต.ท.ชินโชติ เสนาจักร์ รอง ผกก.(สส.) สภ.เมืองชลบุรี แพทย์เวร รพ.ชลบุรี และหน่วยกู้ภัยธรรมรัศมีมณีรัตน์ พบร่างผู้เสียชีวิตทราบต่อมาชื่อ ด.ญ.ปภัสสร ธาราพิศ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนเซนต์หลุยส์ฉะเชิงเทรา อยู่บ้านเลขที่ 182 หมู่ 1 ต.บางคา อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ลักษณะศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดคอกลมสีเขียวอ่อน กางเกงขาสั้นสีเขียวเข้ม แขนขาด้านขวาหัก และมีรอยถลอก ในกระเป๋ามีเงินสด 100 บาท นาฬิกา 1 เรือน พื้นถนนพบรอยลากศพโดยมีเส้นผมของผู้ตายตกเป็นกระจุกอยู่ตามพื้นถนนเป็นระยะทางกว่า 25 เมตร และกิ๊บติดผมสีดำ 3 ตัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สตอ.โหด อุ้มเสี่ยรีด 3 ล้าน ฆ่าหลาน
ระหว่างตำรวจตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุมีพลเมืองดี (ขอสงวนชื่อ) เข้าพบตำรวจแจ้งให้ทราบว่ายังมีเด็กหญิงขอความช่วยเหลืออีกคนอยู่ที่บ้านของสองสามีภรรยา อาชีพหาของเก่าห่างจากจุดพบศพออกไปประมาณ 300 เมตร
จึงรีบไปตรวจสอบทราบผู้เสียหายชื่อ น.ส.ศิริวรรณ แซ่เลียง อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนเซนต์หลุยส์ฉะเชิงเทรา และเป็นลูกพี่ลูกน้องของ ด.ญ.ปภัสสร นั่งร้องไห้ตัวสั่นด้วยความตกใจกลัว ใบหน้าและร่างกายถูกซ้อมสะบักสะบอม ตำรวจนำตัวไปสอบปากคำให้การว่าก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ส.ค. นายสมชาย แซ่เลียง อายุ 39 ปี บิดาขับรถปิกอัพนิสสันฟรอนเทียร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ตน 2948 กรุงเทพมหานคร พาตนและหลานๆอีก 4 คน ประกอบด้วย ด.ญ.ปภัสสรผู้เสียชีวิต ด.ช.ปรฤทธิ ธาราพิศ อายุ 6 ขวบ เรียนชั้นอนุบาล 3 น้องชาย ด.ญ.ปภัสสร ด.ญ.บี สมศร อายุ 10 ขวบ เรียนชั้น ป.4 และ ด.ญ.พีรดา สมศร อายุ 3 ขวบ เรียนชั้นอนุบาล 1 ทั้งหมดเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันไปส่งเรียนหนังสือตามปกติ ระหว่างทางเป็นถนนเปลี่ยวมีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 3 คน ขับรถกระบะสีบรอนซ์ทองไม่ทราบทะเบียน ปาดหน้าให้หยุด จากนั้น 1 ในคนร้ายจำได้ว่าเป็นตำรวจชื่อ “โดม” เคยเข้ามาคุยกับบิดาลงจากรถใช้ปืนพกจี้บังคับบิดาพร้อมกับพูดว่า “แกเสพยาเพราะตรวจฉี่เป็นสีม่วง” ตนจึงหันไปเถียงแทนบิดาว่า “พ่อดื่มเบียร์อย่างเดียวจะมีสีม่วงได้อย่างไร”
จากนั้น คนร้ายจับบิดาใส่กุญแจมือแล้วผลักไปนั่งตรงเบาะข้างคนขับก่อนจะขึ้นมาทำหน้าที่คนขับรถแทน
โดยให้พรรคพวกอีก 2 คน ควบคุมพวกตนทั้งหมดไปขึ้นรถของคนร้ายให้นั่งรวมกันที่แค็บหลัง ก่อนที่คนร้ายจะขับรถพาบิดาแยกไปอีกทาง ส่วนพวกตนคนร้ายพามุ่งหน้าเข้าตัวเมืองชลบุรี ขับวนเวียนอยู่พักใหญ่โดยไม่ทราบว่าที่ไหนบ้าง จุดสุดท้ายคนร้ายพาไปขังไว้ในบังกะโลแห่งหนึ่งริมชายหาดบางแสน กระทั่งตกดึกคนร้ายพาออกจากบังกะโลไปยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนเปลี่ยว ใช้ผ้ารัดคอลากลงจากรถรุมกระทืบจึงแกล้งทำเป็นตาย คนร้ายหันไปลากตัว ด.ญ.ปภัสสร ลงจากรถแล้วรุมทำร้ายท่ามกลางสายตาของน้องๆที่นั่งร้องไห้ตกใจกลัวอยู่ในรถ จึงตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งหนีพร้อมกับเหลียวหลังกลับไปดูเห็นคนร้ายจิกผม ด.ญ.ปภัสสรลากไปตามถนนพร้อมกระทืบซ้ำอย่างไม่ปรานี หลังหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุได้เข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำของบ้านคนเก็บของเก่า กระทั่งเจ้าของบ้านตื่นขึ้นมาพบขอความช่วยเหลือแจ้งให้ตำรวจทราบ อย่างไรก็ตาม จากบาดแผลรวมทั้งพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตำรวจเชื่อว่าหลังคนร้ายรุมซ้อม ด.ญ.ปภัสสรแล้วน่าจะขับรถชนซ้ำจนขาหักแล้วลากร่างไปตามถนนจนเสียชีวิต
ต่อมา พ.ต.อ.อิทธิพร โพธิ์ทอง ผกก.ศสส.ภ.2 นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักหมายเลข เอ 3 บังกะโลแสนสบาย ริมหาดบางแสน พบเศษอาหารและกล่องโฟมใส่ข้าวเปล่า 7 กล่อง รวมทั้งซองใส่ผ้าเย็นในถังขยะ
ตรวจสอบทราบว่าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ส.ค. มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอเปิดห้องโดยลงชื่อในสมุดระบุชื่อนางสุรีพร เผือกผ่อง อยู่บ้านเลขที่ 40/19 ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี พนักงานอ้างว่าไม่ทราบว่าคนร้ายพาเด็กไปกักขังไว้ช่วงไหน ส่วนนางสุรีพรตำรวจตามไปที่บ้านแต่ไม่พบตัวคาดว่าหลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว ขณะเดียวกันตำรวจประสานไปยัง พ.ต.อ.สหัส โหรวิชิต ผกก.สภ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่เกิดเหตุรับแจ้งว่าคนร้ายได้ปล่อยตัวเด็กทั้ง 3 คนแล้ว พร้อมรถปิกอัพของนายสมชาย บริเวณริมถนนสายพนมสารคาม-บางคล้า หมู่ 2 ต.พนม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านผ่านไปพบช่วยเหลือนำส่งตำรวจ ขณะเดียวกัน ตำรวจสอบปากคำญาตินายสมชาย ทราบว่านายสมชายมีอาชีพเปิดร้านขายส้มตำไก่ย่างรายใหญ่ มีฐานะร่ำรวย วันเกิดเหตุหลังคนร้ายอุ้มนายสมชายไปแล้ว คนร้ายโทรศัพท์ติดต่อญาติเรียกเงินค่าไถ่จำนวน 3 ล้านบาท ญาติเข้าแจ้งความตำรวจวางแผนติดตามช่วยเหลือ คาดว่าคนร้ายคงโกรธจึงลงมือฆ่าเหยื่ออย่างอำมหิต นอกจากนี้ มีรายงานว่าวันเดียวกันตำรวจขออนุมัติ
ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้แล้วคือ ส.ต.อ.สุริยา หรือ “โดม” ชะระจำนงค์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่.ป.สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ตรวจสอบประวัติทราบว่า ส.ต.อ.สุริยา มักจะเดินทางเข้าออกบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปตเป็นประจำ ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุอุ้มตัวนายทองปาน สมศรี อายุ 58 ปี กับนางเล็ก สมศรี อายุ 58 ปี 2 ผัวเมียเป็นพ่อตาแม่ยายนายสมชายไปรีดทรัพย์ สร้อยคอทองคำ แหวนเพชร และเครื่องประดับอีกหลายรายการมูลค่าหลายแสนบาท พร้อมข่มขู่ห้ามแจ้งความ กระทั่งย่ามใจมาก่อเหตุอีก ตำรวจกระจายกำลังไล่ล่า ส.ต.อ.สุริยากับพวกเร่งด่วนแล้ว รวมทั้งให้การช่วยเหลือนายสมชายต่อไป