ฆ่าโหดเจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี ชิงเงินสด 4 พันบาทหลบหนี
สภาพศพโดนฟาดด้วยขาไมโครโฟนจนมรณภาพคากุฏิ เผยก่อนเกิดเหตุให้พระลูกวัดเบิกเงินสดจากแบงก์มา 7 พัน ชำระค่าใช้จ่ายรายเดือน 3 พัน ที่เหลือเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ เบื้องต้นสงสัยอดีตยามที่ถูกไล่ออก ก่อนหน้านี้แวะเวียนมาขอเงินเจ้าคุณประจำ เห็นมีเงินเยอะเกิดโลภเลยตีด้วยขาไมค์ก่อนหลบหนีไป
เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 6 ส.ค. ร.ต.ท.เชิดชัย ถนอมชีพ ร้อยเวรสภ.เมืองอุบลราชธานี รับแจ้งมีพระชั้นผู้ใหญ่ถูกสังหารในกุฏิที่พักด้านทิศเหนือของวัดมณีวนาราม หรือวัดป่าน้อย ถ.นครบาล ต.ในเมือง
จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพิศ ชนะมี ผบก.ภ.จว. อุบลฯ พ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาถ รองผบก. พ.ต.ท.เด่นพงษ์ วรรณพงษ์ ผกก. พ.ต.ท.ศรัญ นิลวรรณ ไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นกุฏิ 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้แบบเก่า และเป็นที่พักของพระกิตติญาณโสภณ อายุ 73 ปี เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม และเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองอุบลราชธานี สภาพศพถูกตีด้วยขาตั้งไมโครโฟนที่กลางศีรษะและท้ายทอยรวม 3 แผล เป็นแผลเหวอะหวะ มรณภาพในสภาพหงายหน้า สวมเพียงอังสะและสบงไม่ห่มจีวร คาดว่าสิ้นใจประมาณ 1 ชั่วโมง จากการตรวจสอบภายในกุฏิไม่พบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สินใดๆ มีเพียงขาตั้งไมโครโฟนทิ้งไว้ข้างศพ
ฆ่าเจ้าคณะอำเภอคากุฏิ-ชิงเงิน4พัน
สอบสวนพระณรงค์กิติปุนโน หรือหลวงปู่ยาว พระลูกวัดที่พบศพทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าคุณกิตติญาณโสภณลงไปฉันเพลตามปกติ
หลังจากนั้นสั่งให้พระลูกวัดไปหาซื้อตะปูมาตอกฝาผนังกุฏิที่พักที่ชำรุดเสียหาย และเดินกลับเข้าไปในกุฏิเพียงรูปเดียว หลังจากพระลูกวัดกลับจากซื้อตะปูจึงมาหาที่กุฏิ และพบเจ้าคุณกิตติญาณโสภณถูกตีด้วยขาไมโครโฟนจนมรณภาพ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการบุกฆ่าพระผู้ใหญ่รูปนี้ แต่สันนิษฐานว่าอาจมาจากคนร้ายต้องการชิงทรัพย์ หรือเป็นความขัดแย้งส่วนตัว และความขัดแย้งภายในวัด โดยหลังเกิดเหตุมีการควบคุมตัวคนสติไม่สมประกอบที่เดินอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุไปสอบปากคำ แต่ไม่พบพิรุธจึงปล่อยตัวไป
สำหรับประวัติของพระกิตติญาณโสภณ เดิมเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดหลวง มีฉายาว่าพระมหาแสง ต่อมาย้ายมาจำพรรษาที่วัดเกิดเหตุ เพื่อบริหารวัดหลังเจ้าอาวาสรูปเดิมมรณภาพ และมาถูกฆ่าจนมรณภาพดังกล่าว
ต่อมาพ.ต.ท.ศรัน นิลวรรณ รองผกก.สส. นิมนต์พระมหานัฐพงษ์ พระคนสนิทที่พักอยู่ในกุฏิเดียวกับเจ้าคุณมาสอบปากคำทราบว่า เจ้าคุณไม่มีเรื่องขัดแย้งกับใคร เพราะเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย และมักให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากที่มาขอความช่วยเหลือ โดยช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุมอบอำนาจให้พระลูกวัดไปเบิกเงินสดจากธนาคารมา 7,000 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือนไป 3,000 บาท ที่เหลืออีก 4,000 บาท เจ้าอาวาสเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ โดยพบเพียงกระเป๋าเปล่าตกอยู่ แต่ไม่มีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าแล้ว
ต่อมาพนักงานสอบสวนนำตัวด.ญ.น้อย และด.ญ.รัตน์ (นามสมมติ) นักเรียนร.ร.อุบลวิทยากร ซึ่งตั้งอยู่ในวัดมาสอบปากคำ
เนื่องจากเด็กนักเรียนทั้ง 2 คน เดินสวนทางกับผู้ต้องสงสัยจะเป็นคนร้ายรายนี้ ซึ่งวิ่งออกมาจากกุฏิในสภาพสวมเสื้อยืดคอกลม กางเกงขายาวสีดำในสภาพตัวเปื้อนเลือด เมื่อทำการสเกตช์ภาพให้เด็กนักเรียนทั้ง 2 คนดูก็ยืนยันว่า ผู้ต้องสงสัยชื่อ นายมณี ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 50 ปี เดิมเป็นยามแต่ถูกไล่ออกจากงาน และมักแวะเวียนมาขอเงินท่านเจ้าคุณเป็นประจำ หลังสอบปากคำพยาน พนักงานสอบสวนเชื่อว่า คนร้ายไม่ตั้งใจมาฆ่าท่านเจ้าคุณ แต่ระหว่างมาขอความช่วยเหลือ เห็นเจ้าคุณมีเงินจำนวนมาก จึงใช้ขาไมโครโฟนที่ตั้งไว้ในกุฏิตีจนเจ้าคุณมรณภาพเพื่อชิงเงินสด