เสรีเกาะติดไล่ตรวจซ้ำบ่อนประตูน้ำ

เดลินิวส์

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นำทีมตะลุยบ่อนประตูน้ำอีกระลอก พาเจ้าหน้าที่โยธาเขตราชเทวี ตรวจความเรียบร้อย หลังให้โอกาสเจ้าของอาคาร แก้ไขสิ่งที่ดัดแปลงต่อเติมผิดแบบหลายจุด แต่เพิ่งจะปรับปรุงเสร็จแค่บางส่วน เตรียมเล่นงานเอาผิดซ้ำ ส่วนด้านคดีบ่อนพนันชุดแรก ใกล้สรุปสำนวนแล้ว เสี่ยปอโดนแค่ข้อหาเป็นเจ้ามือและผู้เล่นเท่านั้น แต่พนักงานสอบสวนยังระดมหลักฐาน หวังสาวให้ถึงเจ้าของบ่อนตัวจริงให้ได้

บุกตรวจบ่อนประตูน้ำครั้งนี้ เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 8 มิ.ย. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รองผบช.น. และกำลังตำรวจชุดปราบปรามอบายมุขและผู้มีอิทธิพล ประสานงานกับนายอนันต์ ใหญ่มงคล นายช่างโยธา สำนักงานเขตราชเทวี เข้าตรวจอาคารพาณิชย์ เลขที่ 493/12 ,13และ27 ภายในซอยเจริญสุขและซอยหัสดิน ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี หลังจากตรวจสอบพบว่า อาคารพาณิชย์ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเคยถูกตำรวจเข้าไปจับกุมบ่อนพนันก่อนหน้านี้ บางจุดได้มีการต่อเติมปรับปรุงประตูและหน้าต่างเอาไว้อย่างแน่นหนาโดยไม่ได้รับอนุญาต


ทั้งนี้ระหว่างตรวจสอบ นายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือปอ ประตูน้ำ ได้มาร่วมสังเกตการณ์รวมทั้งพูดคุยกับพล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ด้วยสักพักใหญ่แต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน จากนั้นพล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เปิดเผยว่า หลังจากได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาก็ได้แจ้งให้ทางสำนักงานเขตราชเทวี เข้ามาตรวจสอบอาคารที่เปิดเป็นบ่อนการพนัน ซึ่งพบว่ามีการต่อเติมอาคารผิดรูปแบบที่ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่เขต จึงได้แจ้งไปยังเจ้าของอาคารให้ทำการรื้อถอนต่อเติมสิ่งที่ผิดรูปแบบออกให้สู่สภาพเดิมถูกต้อง เวลาผ่านพ้นไป 4 เดือนแล้ว วันนี้จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตมาตรวจสอบว่าได้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องหรือยัง เบื้องต้นพบว่ามีการปรับปรุงไปบ้างแล้วยังเหลืออีกเพียงบางส่วนเท่านั้น อาทิ ประตูเหล็ก กันสาด และฝ้าเพดาน ฯลฯ
จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีบ่อนพนัน แบ่งได้ 2 ส่วนคือ คดีแรกได้แจ้งข้อหากับนายไพจิตร ในฐานะที่เป็นผู้เล่นและเป็นเจ้ามือ แต่ไม่ใช่เจ้าของอาคาร คาดว่าอีกประมาณ 10 วันสำนวนก็น่าจะเรียบร้อยขณะนี้อยู่ในระหว่างการแก้ไข ในส่วนที่ 2 อยู่ในระหว่างเตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของบ่อนอยู่ในระหว่างสอบสวนทุกคนที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลประมาณ7-8 คนที่ทำกิจการร่วมกัน นอกจากนี้ยังจะมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงและรับของโจรอีก 56 คดี มีผู้มาร้องทุกข์ 48 คดีไม่มีผู้มาร้องทุกข์ 8 คดี จึงได้กำชับพนักงานสอบสวนให้เชิญประธานบริษัทมาสอบให้รู้เรื่อง

ด้านนายอนันต์ นายช่างโยธา กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้ทางเจ้าของอาคารทำหนังสือแจ้งกลับมาว่า จะมีแผนในการรื้อถอนอย่างไร ใช้กำหนดเวลาเท่าใด โดยจะดูตามความเหมาะสมและตามระยะเวลาการยื่น หากยังไม่มีการปรับปรุงให้เรียบร้อยอีกจำเป็นต้องส่งเรื่องไปยังสน.พญาไท เพื่อเปรียบเทียบปรับ ข้อหาฝ่าฝืนไม่กระทำการตามที่ได้แจ้งเอาไว้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์