ด้านนายประสิทธิ์ จิตติวัฒนพงศ์ ผอ.ร.พ.บางละมุง เปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดของชาวบ้าน
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง นายไพโรจน์เดินทางมาตรวจอาการปวดท้องในช่วงเช้าวันที่ 29 ก.ค. แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะ และให้ยารักษาไปโดยไม่ได้คิดค่ายา พร้อมอนุญาตให้กลับบ้านได้ หลังจากนั้นนายไพโรจน์ได้ไปนั่งรอคนมารับที่หน้าตึกของโรงพยาบาล แต่ไม่มีคนมารับ เจ้าหน้าที่ของร.พ.เห็นแล้วสงสาร จึงซื้อนมให้กิน พร้อมกับอาสาจะพาไปส่งที่บ้าน โดยนายไพโรจน์แจ้งว่าพบเพื่อน และขอลงจากรถบริเวณใกล้เคียงต้นมะขามเทศภายในซอยอรุโณทัย ก่อนลงจากรถยังขอผ้าห่มของร.พ.ไปใช้
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่าหลังทราบเรื่องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งรถไปรับกลับมาพักรักษาที่ร.พ.แล้ว พร้อมประสานญาติที่อยู่ จ.หนองคาย ให้เดินทางมาดูแลร่วมกัน
นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อนของนายไพโรจน์ระบุว่าได้ไล่นายไพโรจน์ออกจากบ้านพักเอง เนื่องจากรังเกียจที่นายไพโรจน์ป่วยเป็นโรคร้าย ซึ่งเรื่องนี้ขอชี้แจงว่า ร.พ.บางละมุง รวมถึงเจ้าหน้าที่ แพทย์ และพยาบาลทุกคน ไม่เคยคิดที่จะทิ้งผู้ป่วยแต่อย่างใด
น.พ.ถวัลย์ พบลาภ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น กินข้าวได้ ยังมีอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย แพทย์ได้ให้การดูแลเต็มที่
และจะดูแลจนกว่าจะแข็งแรงดี และจะประสานหาญาติ หาเพื่อนของผู้ป่วยตามที่ผู้ป่วยแจ้งไว้กับทางโรงพยาบาล โดยค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดทางโรงพยาบาลบางละมุงจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด สำหรับผู้ป่วยรายนี้เดิมประกอบอาชีพ ชกมวยโชว์ ต่อมาสุขภาพไม่แข็งแรงจึงเปลี่ยนมาประกอบอาชีพเก็บขยะขาย โดยอาศัยอยู่กับเพื่อนที่หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ลักษณะที่อยู่เป็นชุมชนแออัด ใกล้กับกองขยะ ซึ่งผู้ป่วยประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย