ประหารชีวิต 3 นศ.ช่างกลปทุมวัน รุมสังหารโหด "นศ.อุเทนถวาย"คู่อริต่างสถาบัน ขี่ จยย. ตามประกบในซอยลาดพร้าว 126 ระดมยิง-แทงจนจบชีวิตอนาถ โชคยังดีในชั้นสอบสวนทั้งหมด ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ ศาลปรานีลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ให้กับทางมารดาคนตายด้วย ส่วนคดี นศ. “เทคนิคกรุงเทพ” รับน้องพิสดาร ฉีดสเปรย์พ่นไฟแผ่นหลัง ศาลตัดสินจำคุก 2 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี โดยต้องรายงานตัวทุก 3 เดือนครั้ง บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชม. หากแหกกฎจำคุกจริงทันที
ที่ห้องพิจารณาคดี 710 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ศาลมีคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิตที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา และนางเตือนจิตต์ วิริยารัมภะ
ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุทธินันท์ หรือตู๋ หวังหอมกลาง อายุ 23 ปี นายมงคล หรือเหยิน ศรีพูล อายุ 25 ปี และนายชาตรี หรือปิ๊ก จูวรรณะ อายุ 26 ปี ทั้ง 3 คน เป็นนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง กระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 49
ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 49 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 และอาวุธมีด
รุมยิงและแทงตามร่างกายและศีรษะนายเบญจพล หรือโต้ง วิริยารัมภะ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย จนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดภายในซอยลาดพร้าว 126 แขวง-เขตวังทองหลาง ต่อมาวันที่ 7 ก.ย. 49 ตำรวจ สน.วังทองหลาง ติดตามจับกุมตัวจำเลยทั้ง 3 คนได้ตามหมายจับของศาลอาญา พร้อมอาวุธปืนและของกลางอีกหลายรายการ
ทั้งนี้นางเตือนจิตต์ มารดาผู้ตายยื่นคำร้องขอให้พวกจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมพร้อม ดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องรวมเป็นเงิน 4,326,500 บาท
ในชั้นสอบสวนพวกจำเลยให้การรับสารภาพ แต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล โดยอ้างสถานที่อยู่ และสาเหตุที่ยอมรับสารภาพอ้างเพราะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อม ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า พยานโจทก์หลายปากเบิกความสอดคล้องแสดงถึงพฤติการณ์ของพวกจำเลย โดยจำเลยที่ 3 ขี่จยย. มา โดยมีจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้าย และใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2-3 นัดจนล้มลง ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกขี่ จยย. ตามมาก็ใช้ปืนยิงผู้ตายอีก 6 นัด และเห็นนายเอ ไม่ทราบนามสกุล ใช้มีดแทงตามร่างกายผู้ตายหลายครั้ง อีกทั้งชั้นสอบสวนพวกจำเลยก็ให้การรับสารภาพถึงรายละเอียดนำชี้ที่เกิดเหตุ พยานโจทก์จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าพวกจำเลยร่วมกันฆ่าผู้ตายจริง ข้ออ้างจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาฐาน ฆ่าผู้อื่น ให้ลงโทษประหารชีวิต