เศรษฐินีโร่แจ้งความหลังมือมืดส่งระเบิดเก๊ข่มขวัญ
เผยคนร้ายส่งกล่องลึกลับไปให้เจ้าของโรงงานพลาสติกจนหวาดผวาแจ้งหน่วยเก็บกู้ระเบิดมาตรวจสอบ เป็นระเบิดเก๊ซุกในกล่อง เจ้าตัวระบุเป็นการข่มขู่แน่นอน เพราะก่อนหน้าที่มีคนขี่จยย.ติดตามคุกคาม อีกทั้งมีคนโทรศัพท์ข่มขู่ว่า "อย่าไปเสือกกับเรื่องชาวบ้าน" ตร.ตรวจสอบแล้วให้ความสนใจกรณีเศรษฐินีรายนี้เป็นพยานปากสำคัญคดีที่บิ๊กตร.เป็นจำเลยด้วย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ก.ค. นางจีรนิษฐ์ อัครธนกุลกิตต์ อายุ 50 ปี เจ้าของบริษัทเอสพี พลาสติก อินดัสตรี จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 742/3 หมู่ 1 ซอยประชาอุทิศ 75 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม.
เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.สุทน ดีอินทร์ พงส.(สบ.2) สน.ทุ่งครุ หลังจากเมื่อกลางดึกวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา มีคนร้ายแอบนำกล่อง ซึ่งภายในมีวัตถุคล้ายวัตถุระเบิดมาวางไว้หน้าบริษัท โดยมีพล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผบช.น. พ.ต.อ.อนันต์ เหลืองนฤมิตรชัย ร่วมทำการสอบปากคำ โดยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
นางจีรนิษฐ์เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. ขณะที่ตนพร้อมด้วยครอบครัว เดินทางกลับเข้าบริษัท
ได้มีรปภ.ของบริษัท เดินถือกล่องสีดำ ซึ่งบนฝากล่องมีข้อความส่งถึงตนมาให้ ตนก็รับมาถือไว้โดยที่อีกมือกำลังอุ้มหลานอยู่ แต่ปรากฏว่าเมื่อกำลังจะพลิกกล่องดูว่าใครเป็นผู้ส่งมา ก็ได้ยินเสียงวัตถุภายในกล่องกลิ้งไปมา และเริ่มสังเกตได้ว่ากล่องนี้มีน้ำมากผิดปกติ จึงรีบวางหลานลงแล้วนำกล่องดังกล่าวไปวางไว้ที่ลานจอดรถ แล้วนำยางรถยนต์มาครอบไว้ ก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ระเบิดเก๊ ขู่เศรษฐินี พยานเอก
นางจีรนิษฐ์กล่าวว่า จากนั้นจึงมีตำรวจเก็บกู้วัตถุระเบิดมาทำลายกล่องทิ้ง จึงพบว่าภายในกล่องมีสายไฟ ทราย และกระดาษแข็งม้วนเป็นก้อน 2 ก้อนผูกติดกัน
เมื่อสอบถามรปภ.ก็บอกว่าไม่รู้ว่าใครเป็นผู้นำกล่องมาวางไว้ ซึ่งอยู่ภายในรั้วบริษัทแล้ว ก่อนที่ตนจะเดินทางกลับเข้าบริษัท เชื่อได้ว่าต้องเป็นการข่มขู่อย่างแน่นอน นางจีรนิษฐ์ให้การว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ตนก็เข้าแจ้งความกับตำรวจมาแล้วหนึ่งครั้ง
เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนขับรถออกจากบ้านพัก ภายในซอยประชาอุทิศ 72 เพื่อเดินทางไปที่บริษัทภายในซอยประชาอุทิศ 75
ปรากฏว่าสังเกตเห็นผู้ชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามรถของตนมาตลอดทาง โดยชายทั้ง 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้ชาย คันใหญ่สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ โดยตนเชื่อว่าต้องถูกตามแน่เพราะตนขับรถช้า และเขาก็ขับอยู่ช่วงท้ายรถตลอด จึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านของน้องชายแบบกะทัน หัน ทำให้คนขี่รถจักรยานยนต์ขับเลยไป เมื่อตนมองออกไปก็พบว่าชายทั้ง 2 คนยังจอดจักรยานยนต์อยู่หน้าหมู่บ้าน แล้วมองมาที่ตน ก่อนจะขับรถออกไป ตนจึงเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
นางจีรนิษฐ์กล่าวต่อว่า ไม่เคยมีเรื่องโกธรเคืองกับใคร ไม่ว่าเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องการดำเนินธุรกิจ แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นการข่มขู่
ก่อนหน้านี้ มีทั้งโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของตน มีทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิง แต่ไม่โชว์หมายเลขโทรศัพท์ อีกทั้งเมื่อวานยังมีโทรศัพท์เข้ามือถือของตน โดยคนที่โทร.มาพูดว่า "อย่าไปเสือกกับเรื่องชาวบ้าน" ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่เคยคิดจะแจ้งความ และตนก็ไม่ได้เกรงกลัวกับการกระทำแบบนี้ แต่ครอบ ครัวเห็นว่าครั้งนี้ทำเกินไปและด้วยความไม่ประมาท เพราะครั้งหน้าถ้าเขาเอาระเบิดจริงมาก็จะได้รู้ทัน ถ้าเมื่อวานเป็นระเบิดจริงคงต้องมีอันเป็นไปทั้งครอบครัว เนื่องจากตนเพิ่งลงจากรถ รปภ.ก็เดินถือกล่องมาให้ มีทั้งสามี และลูกๆ 3 คนยืนดูกันอยู่
นางจีรนิษฐ์กล่าวด้วยว่า ตอนที่รปภ.เอากล่องมาให้นั้น ตนรับเอากล่องไว้ โดยอีกมือยังอุ้มหลานอยู่ด้วย
อีกทั้งชื่อของตนที่เขาเขียนว่าส่งถึงนั้นก็เป็นชื่อเก่า นามสกุลเก่าอีกด้วย คือชื่อ "จันทร์เพ็ญ รุ่งโรจน์เจริญกิจ" การกระทำครั้งนี้ตนโกธรมาก แต่ก็ไม่ได้กลัว และตนก็จะสู้ไม่ถอยแน่นอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการตรวจสอบของตำรวจอย่างละเอียดแล้ว ตำรวจให้ความสนใจกรณีที่นางจีรนิษฐ์ไปเป็นพยานในคดีสำคัญคดีหนึ่ง ซึ่งพบว่ามีนายตำรวจใหญ่เป็นจำเลยในคดีดังกล่าวด้วย