ออกหมายล่าอีกคน แก๊งฉก โคตรเพชร วงจรปิดจับภาพได้

คดีคนร้ายฉกโคตรเพชรน้ำหนัก 2,100 กะรัต ที่นายจักรพันธ์ ประมวลสุข อายุ 73 ปี เจ้าของอ้างมีมูลค่าสูงถึง 315 ล้านบาท

เหตุเกิดที่บริษัทจัดหางาน ซาป้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส จำกัด ซอยวิภาวดีรังสิต 76 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ความคืบหน้าเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 26 ก.ค. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง และฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.2 เข้าร่วมประชุมเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้น พล.ต.ต.วรศักดิ์เปิดเผยว่า ที่ประชุม ได้เร่งรัดฝ่ายสืบสวนสอบสวนให้หาพยานหลักฐานในทุกประเด็น แม้สังคมอาจตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ แต่เมื่อมีเจ้าทุกข์มาแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีนำของกลางคืนเจ้าทุกข์

ด้าน  พ.ต.อ.เจริญกล่าวว่า  พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 ราย

เป็นผู้ต้องหาที่พยานและผู้เสียหายชี้ยืนยันจากภาพกล้องวงจรปิด ทราบเป็นชายไทย ไม่ทราบชื่อและนามสกุล ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายพรหมมา จันทร์มะลิ อายุ 51 ปี ที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ออกมาปฏิเสธเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พ.ต.อ.เจริญกล่าวว่า กรณีนี้เจ้าทุกข์ชี้ยืนยัน พนักงานสอบสวนจึงขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ ทำตามขั้นตอน แต่ในส่วนของนายพรหมมาจะออกมาชี้แจงว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็เป็นสิทธิอยู่แล้ว พนักงานสอบสวนพร้อมจะรับฟัง หากสอบสวนแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะต้องทำเรื่องขอถอนหมายจับ พ.ต.อ.เจริญกล่าวอีกว่า อยากให้นายจักรพันธ์ ประมวลสุข อายุ 73 ปี เจ้าของนำเพชรเม็ดที่เหลือไปให้ตามร้านเพชรดูเพื่อตีราคา  และเป็นตัวอย่างในการประสานติดตามเพชรที่ถูกโจรกรรมไปด้วย แต่ผู้เสียหายยังไม่ยอมให้ ไม่รู้เหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะต้องประสานไปอีกครั้ง   ส่วนรูปคดีถึงขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน อีกทั้งยังนำคดีเก่าๆที่เกิดขึ้นตามท้องที่ต่างๆ มาประมวลศึกษาว่าแผนประทุษกรรมจะเกี่ยวข้องใกล้เคียงกับคดีนี้อย่างไรด้วย